วันนี้(22 เม.ย.)นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในขณะที่พี่น้องประชาชนกำลังมีความสุขกับเทศกาลสงกรานต์ บรรดา สส.รัฐบาลและรัฐมนตรีคงเหนื่อยกันน่าดู แต่คงไม่ใช่เพราะทำงานหนัก เท่าที่เห็นน่าจะเป็นการวิ่งกันหนักมากกว่า เพราะทันทีที่มีกระแสการปรับ ครม. รัฐมนตรีเกือบทั้งชุดรีบขึ้นเหนือไปสร้างความร่าเริงสำราญใจให้กับผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ส่วนนายกรัฐมนตรีตัวจริงกลับถูกปล่อยให้ท่านเดินหงอย ๆ โชว์บ็อกเซอร์ตัวน้อย แถลงข่าวคนเดียวอยู่แถวหัวหิน
.
นี่คือภาพสัญญาณอลหม่านการเมืองไทยที่จะเกิดขึ้นหลังสงกรานต์ อันสืบเนื่องจากการซ้อนทับกันของศูนย์อำนาจที่กำหนดโดยผู้มากบารมีตัวจริงซึ่งกำลังคึกเต็มที่จนบดบังรัศมีนายกรัฐมนตรีไปหมด เชื่อว่าขณะนี้หลายคนคงรู้สึกได้เหมือนกันว่าความเป็นนายกฯตอนนี้น่าจะเหลือแค่ในนามเท่านั้น
.
"นายกฯ ไปพักร้อนที่หัวหิน ไหนบอกจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งช่วงสงกรานต์เป็นช่วงที่ควรทำงานดูแลปัญหาต่างๆของประชาชน รวมถึงรับมือเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน เพราะเป็นเทศกาลใหญ่ที่มีการแออัดของผู้คน แต่ก็ทำตัวเป็นนายกฯพาร์ทไทม์เหมือนเคย พอไม่มีทริปต่างประเทศก็พักผ่อน พร้อมประชาชน ไม่มีความตื่นตัวพร้อมทำงานใด ๆในช่วงที่มีความสำคัญ
.
"แต่ที่น่าสงสารกว่านั้นคือภาพการไปพักแบบเหงา ๆ โดดเดี่ยว ไม่มีใครสนใจ แต่พอมองไปอีกด้าน ฝั่งอดีตนายกทักษิณ กลับร่าเริงแข็งแรงดี สภาพผิดจากความเป็นผู้ป่วยวิกฤตซึ่งเป็นเงื่อนไขให้ได้พักโทษไปไกล เท่านั้นยังไม่พอ มีหยอก รัฐมนตรี และ สส.ที่แห่แหนไปหาไปหาว่าเปิดประชุมได้เลย ครบองค์แล้ว หรือแม้กระทั่งนายกฯเอง เที่ยวกลับมาก็ต้องรีบไปรายงานตัวรดน้ำขอพร จนเป็นข่าวพาดหัว นายกฯกราบขอพร ยิ่งสะท้อนชัดว่าขณะนี้อำนาจแท้จริงอยู่ที่ใคร"
.
นายร่มธรรม กล่าวว่า ยิ่งได้ฟัง นายกฯ ให้สัมภาษณ์ช่วงนี้ ยิ่งดูเหมือนคนมีอาการใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนคนขาดความมั่นใจขั้นรุนแรง ก่อนนี้ยืนยันเสียงแข็งรัฐมนตรีทุกคนทำงานเต็มที่ไม่ปรับ ครม.แน่ แต่พออดีตนายกทักษิณ เริ่มแสดงบทบาทนำ ก็ทำท่าจะปรับ ครม. เอาดื้อ ๆ โดยตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจะปรับเมื่อไหร่ เปลี่ยนใครด้วยเหตุผลอะไรบ้าง เหมือนรอตัวจริงดีลให้จบ ตัดสินใจให้เสร็จ ค่อยทำหน้าที่เป็นโฆษกแถลงข่าวให้เท่านั้น
.
"ผมคิดว่า การปรับ ครม.สามารถทำได้ และควรเกิดขึ้นเพราะ ครม.ชุดนี้ก็มาจากโควต้าทางการเมืองแบ่งเค้กกัน ดังนั้น หากจะมีการปรับ ครม.เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ทำงานได้จริงก็ควรมาจากความสามารถและความเหมาะสม ไม่ใช่ดูที่กลุ่มมุ้งหรือความขยันวิ่งเต้นเหมือนเดิมที่เป็นอยู่ เพราะคนเสียประโยชน์จากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐมนตรีระบบแบ่งเค้กนี้ก็คือประชาชน
.
"สิ่งที่เกิดขึ้นคือการเมืองที่ถอยหลังลงคลอง ไม่คิดสร้างมาตฐานใหม่เพื่อพาสังคมไปข้างหน้า พรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเป็นพรรคเก่าแก่ แต่เรื่องนี้เราเดินไปข้างหน้าเพื่อธำรงไว้ซึ่งการเป็นสถาบันการเมือง ส่งต่อมรดกทางการเมืองที่ดีสู่คนรุ่นต่อไปให้อยากทำงานทางเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์
.
"ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีของประชาธิปัตย์จะต้องคัดเลือกจากกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุมร่วมระหว่าง ส.ส. กับกรรมการบริหารเพื่อให้ความเห็นชอบ ทำทุกอยากให้โปร่งใส ให้ประชาชนมองเห็นที่มาที่ไปและศักยภาพของคนที่เราเลือกไปทำงาน
.
"ถ้าต้องมีการวิ่งเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไปเสนอตัวต่อผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล ผมคิดว่านั่นไม่ใช่สถานภาพของพรรคการเมืองที่ควรเป็น และยิ่งเป็นการด้อยค่านักการเมืองที่จะเข้าเป็นรัฐมนตรีอีกด้วย
.
"นักการเมืองและพรรคการเมืองแบบนี้มีแต่จะทำลายโครงสร้างทางการเมืองและประชาธิปไตยในระยะยาว เพราะสิ่งที่ทำคือการตอบสนองความพอใจของผู้มีอำนาจมากกว่าเสียงของประชาชน เป็นการบริหารจัดการที่ไม่เข้าท่าและไม่คิดว่าจะยังมีอยู่อีกในยุคนี้"