xs
xsm
sm
md
lg

เคาะแล้ว! เกณฑ์แจกเงินจูงใจท้องถิ่นปี 67 “รบ.เศรษฐา” ทุ่ม 147 ล้าน แต่จ่อ “ริบ” จาก อปท.ที่ถูกตัดสิทธิโปร่งใส มาเจียด อปท.อื่นที่เข้ารอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เคาะแล้ว! หลักเกณฑ์ประเมินรับรางวัลจูงใจ ปี 67 ทั้ง 8 ประเภท รัฐบาลเศรษฐา 1 แจก 147 ล้าน ปลายปีนี้ พบหลักเกณฑ์ วิธีการ อัตราการจัดสรรเงินอุดหนุน ไม่เปลี่ยนจากหลักเกณฑ์เดิม แยกรางวัล 3 ส่วน เฉพาะท้องถิ่นดีเลิศ คว้าเงินสูงสุด 3.2 ล้าน ย้ำ อปท.ที่ไม่ส่งงบการเงินปี 66 “ไม่สิทธิ” ส่วน อปท. 2 ส่วนแรก ที่ถูกตัดสิทธิ “ความโปร่งใส” ให้นำเงินมาเพิ่มให้กับ อปท.อื่นที่เข้ารอบ

วันนี้ (17 เม.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดสรรเงินอุดหนุน เพื่อจูงใจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของท้องถิ่น ในปี 2567 นี้

มีเงินรางวัลจูงใจ และโล่รางวัล สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่สมัครเข้ารับการคัดเลือก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งถือเป็นการประเดิมจัดสรรครั้งแรก ในรัฐบาล “เศรษฐา 1”

ล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ได้ลงนาม

ในประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อเป็นรางวัลสำหรับ อปท. จูงใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการจัดการท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

“ปีงบฯ 2567 คณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินอุดหนุน วงเงินจำนวน 147,000,000 บาท เรียบร้อยแล้ว”

พบว่า หลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินอุดหนุนฯ ปีงบฯ 2567 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากปีงบฯ 2566 เช่น

นอกจากให้มีการแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการ” 5 ชุด เพื่อคัดเลือก อปท. ทุกระดับ จาก 8 ประเภท

อาทิ รางวัลประเภทดีเลิศ ที่ได้รางวัลสูงสุด 3.2 ล้านบาท จากเดิมปีงบ 2566 ได้รับรางวัล 4 ล้านบาท ต้องเคยรับรางวัลนี้แล้ว 3 ครั้ง ระหว่าง พ.ศ. 2558-2566

มีผลคะแนนประเมินประสิทธิภาพ อปท.( LPA) ปี 2566 ของ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ตั้งแต่ ร้อยละ 90 ขึ้น เป็นต้น

ขณะที่ อปท.ที่ไม่ส่งรายงานการเงิน ประจำปีงบฯ 2566 ภายในระยะเวลาที่กำหนดตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 70

ต้องจัดทำรายงานการเงินประจำปี ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงินและงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินทั้งเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ และเงินอื่นใด

รวมถึงการก่อหนี้ ส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและกระทรวงการคลัง ภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ จะไม่สามารถเข้ารับการประเมินรางวัลนี้ได้

จากนั้น สถาบันการศึกษาที่ได้รับมอบหมายดำเนินการตรวจสอบและประเมินผล จะเรียงลำดับคะแนน ในประเภทดีเลิศ ประเภทโดดเด่น และประเภททั่วไป เพื่อให้คณะอนุกรรมการฯ 9-11 คน จากผู้ทรงคุณวุฒิ ตรวจประเมินและคัดเลือกรอบสุดท้าย

ท้ายสุดการจัดสรร เงินรางวัล 147 ล้านบาท ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ประเภทดีเลิศ (องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล) จำนวนทั้งสิ้น 3 รางวัล รวมเป็นเงิน 7,300,000 บาท

ส่วนที่ 2 จำนวนทั้งสิ้น 62 รางวัล รวมเป็นเงิน 79,200,000 บาท แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทโดดเด่น 21 รางวัล รวม 32,100,000 บาท ประเภททั่วไป 41 รางวัล รวมเป็นเงิน 47,100,000 บาท

ส่วนที่ 3 ซึ่งเป็นเงินที่เหลือ จำนวน 60,500,000 บาท จะจัดสรรเป็นเงินรางวัลจูงใจให้แก่ อปท. ที่ผ่านเกณฑ์ 2 ระดับ ได้แก่

1. ให้เป็น เงินรางวัลผ่านเกณฑ์สำหรับ อปท.ที่เข้าสู่การประเมิน ในรอบสุดท้าย จัดสรรให้กับประเภทดีเลิศ ประเภทโดดเด่น และประเภททั่วไป

และ 2. เงินรางวัลสำหรับ อปท. ที่มีผลคะแนนผ่านเกณฑ์การประเมินในรอบการประเมิน ของสถาบันการศึกษาที่เป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยจัดสรรให้กับประเภทดีเลิศ ประเภทโดดเด่น และประเภท ทั่วไป

“ในกรณี อปท.ที่ได้รับรางวัล 2 ส่วนแรก แต่ถูกตัดสิทธิในเรื่อง ความโปร่งใส ให้นำเงินรางวัลมาเพิ่มให้กับรางวัลในส่วนที่ 3 นี้ด้วย”

ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะอนุกรรมการ กำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อให้เป็นรางวัลสำหรับ อปท.กำหนด

อย่างไรก็ตาม ในประกาศตามหลักเกณฑ์นี้ ยังไม่พบว่า มีการระบุถึงการให้คะแนน เหมือนหลักเกณฑ์ปีที่ผ่านมา โดยที่ผ่านมานอกจาก คะแนนจากการประเมิน LPA (กสถ.) 15 คะแนน ยังต้องมีคะแนนจากการประเมิน ITA (ป.ป.ช.) 15 คะแนน

คะแนนจากการประเมิน มาตรฐานการบริการสาธารณะ (ก.ก.ถ.) 15 คะแนน คะแนนจากการลงพื้นที่ของที่ปรึกษาฯ 15 คะแนน และคะแนนจากโครงการนวัตกรรม 40 คะแนน เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น