“พิชัย” ผิดหวัง “แบงก์ชาติ” ไม่ลดดอกเบี้ย ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจแย่ ซัดไม่รู้ร้อนหนาว กดความเจริญประเทศไทย สวดไม่ใช่หน้าที่ ธปท.กำหนดอัตราการเติบโต แนะอย่าอ้างว่าต้องอิสระ บนความเดือดร้อนของ ปชช.
วันนี้ (17 เม.ย.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองพรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมติเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ ที่ยังคงดอกเบี้ยนโยบายในอัตราเดิม ว่า รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ทั้งที่สภาวะเศรษฐกิจของไทยกำลังย่ำแย่ จีดีพีในไตรมาสแรกของปีนี้จะออกมาไม่ดี และจะทำให้ต้องปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจทั้งปีลดลง และเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีที่แล้วต่ำกว่าไตรมาส 3 แล้ว และเงินเฟ้อติดลบ 6 เดือนติดกัน ทำประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืดทางเทคนิคแล้ว
“แม้แบงก์ชาติจะอ้างว่าตั้งแต่ พ.ค. 67 เงินเฟ้อจะดีขึ้น ซึ่งก็เพราะตั้งแต่ พ.ค. 66 ที่ผ่านมา เงินเฟ้อไทยก็เริ่มย่ำแย่แล้วที่ 0.53% และก็อยู่ระดับต่ำมาตลอดจนกระทั่งติดลบในเดือน ต.ค. 66 ที่ -0.31% และติดลบต่อเนื่องมาอีก 6 เดือน ดังนั้น ถ้าครึ่งปีหลังเงินเฟ้อจะดีขึ้น ก็เพราะปีที่แล้วเงินเฟ้อตั้งแต่ พ.ค. 66 ก็ย่ำแย่อยู่แล้วไม่ได้แปลว่าสภาวะดีขึ้น” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวต่อว่า และที่ แบงก์ชาติ อ้างว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายที่ 2.6% และปีหน้าจะขยายได้ 3% เป็นที่น่าพอใจ ทำให้สงสัยว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจน่าจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะกำหนดมากกว่า ธปท. จะมากำหนด และจะบอกว่าพอใจหรือไม่พอใจใช่หรือไม่ ธปท. ควรจะต้องดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางรัฐบาลมากกว่าที่จะตัดสินเองว่าเศรษฐกิจขยายตัวขนาดไหนถึงเหมาะสม เพราะรัฐบาลอยากให้เศรษฐกิจขยายตัวให้ได้ 5% ตามศักยภาพที่น่าจะทำได้ แต่ ธปท. กลับเห็นว่าศักยภาพไทยอยู่เพียง 3% หรือลดศักยภาพไทยลงมา ซึ่งไม่ตรงกับแนวทางของรัฐบาล
“หากเป็นแบบนี้ไทยจะไม่สามารถเป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้เลย เพราะขนาดขยายตัวปีละ 5% ประเทศไทยต้องเวลาถึงประมาณ 20 ปีถึงจะเป็นประเทศรายได้สูงได้ ถ้าขยายตัวปีละ 2-3% คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นประเทศรายได้สูง และการปรับโครงสร้างดอกเบี้ยทั้งการลดดอกเบี้ยนโยบายและการลดช่วงห่างของดอกเบี้ยเงินกู้เงินฝาก (NIM) จะเป็นการปรับโครงสร้างของประเทศตามที่ ธปท. แนะนำเองด้วย” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย ยกตัวอย่างด้วยว่า ในหลายประเทศที่ธนาคารกลางเป็นอิสระ แต่ก็ต้องทำงานสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล อาจจะขัดกันได้บ้างในบางเรื่องแต่ไม่ใช่เรื่องหลัก หรือเรื่องที่เป็นนโยบาย โดยยืดประโยชน์ของประเทศและการกินดีอยู่ดีของประชาขนเป็นหลัก หากจะยึดความเป็นอิสระโดยไม่ได้มองเห็นประโยชน์ของประเทศและความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้สงสัยว่าธนาคารกลางยังควรจะเป็นอิสระต่อไปอีกหรือไม่ และควรต้องขึ้นกับรัฐบาลหรือไม่ เพราะจะได้ทำงานสอดคล้องกัน อย่างเช่น ประเทศจีน ที่ธนาคารกลางประเทศจีนคงไม่ขวางแนวทางของรัฐบาลจีน เศรษฐกิจจีนก็ขยายตัวได้ดีมาตลอด หรือแม้กระทั่งประเทศสิงค์โปร์ที่เป็นประเทศรายได้สูงแล้วก็เป็นเช่นกัน
“อยากให้ ธปท. ได้ตั้งหลักคิดใหม่โดยยึดประโยชน์ของประเทศ และความสุขประชาชนเป็นหลัก อย่าเพียงคิดแค่เพียงว่า เป็นอิสระแต่ประชาชนเดือดร้อน และเศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวไปถึงไหนเลย” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย ยังแย้งด้วยว่า เสถียรภาพทางการเงินที่ ธปท. ชอบอ้างถึง แต่ถ้าหากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำมาตลอดเป็นเวลานาน ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ สุดท้ายปัญหาทางสังคมจะตามมาโดยเฉพาะอาชญกรรม การจี้ ปล้น เรียกค่าไถ่ ฯลฯ เหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศในอเมริกาใต้ เมื่อถึงตอนนั้นเสถียรภาพก็จะไม่เกิด จะมีแต่ปัญหาทางเศรษฐกิจและอาชญากรรมตามมา
“อยากให้ ธปท. พิจารณาให้ครบทุกด้านอย่าเพียงอ้างเพียงกรอบคิดเดียวหรือเป็นอิสระอย่างเดียว ปัญหามากมายจะเกิดขึ้นตามมาได้ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นการขยายตัวเศรษฐกิจที่สูงจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น” นายพิชัย ระบุ