เมืองไทย 360 องศา
ส่งสัญญาณหรือ “สั่งการ” ชัดเจนกันมาแล้วว่า หลังหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีแน่นอน และจะเป็นการ “ปรับใหญ่” ที่คราวนี้เน้นหนักไปที่ “พรรคเพื่อไทย” เป็นหลัก รวมไปถึงพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องเติมอีกหนึ่งตำแหน่งให้เต็มโควตา ส่วนพรรคร่วมอื่นนอกเหนือจากนี้ ถือว่ายังนิ่ง
แม้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะยืนยันว่า “ยังไม่ปรับ” เนื่องจากรัฐมนตรีทุกคน ทุกพรรคกำลังทำงานไปได้ดี และอยากให้ทุกคนทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มที่ใช้งบประมาณทุกบาทให้คุ้มค่า อะไรประมาณนั้น
แต่ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ เขาก็เปลี่ยนท่าทีแบบตรงกันข้าม ว่าหลังวันหยุดยาวจะเชิญทุกพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือกัน โดยอ้างว่าตัวเขาให้เกียรติกับทุกพรรค จะทำอะไรก็ต้องหารือกันก่อน
ก่อนหน้านั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ คณะรัฐมนตรี และบทบาทของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ในความเห็นของพี่น้องประชาชนหลายล้านคน เห็นว่านายทักษิณเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีตนได้แถลงไปแล้ว หากจะมีการปรับก็ต้องมีการพูดคุยกับหลายภาคส่วน โดยต้องมีการพูดคุยกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ถามว่าหลังสงกรานต์ จะพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่า “แน่นอนครับ” และหากพรรคร่วมรัฐบาลต้องการจะปรับคณะรัฐมนตรี ก็ต้องมีการพูดคุย เป็นการทำงานที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
ส่วนความเป็นไปได้หรือไม่ ที่นายกรัฐมนตรีจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุก ออฟชัน มีความเป็นไปได้หมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานของคนให้ถูกฝาถูกตัวเป็นที่ตั้ง ตรงนี้มีความเป็นไปได้หมด
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีคือผู้มีอำนาจจรดปากกาเซ็น การปรับครั้งนี้จะเป็นการปรับใหญ่เลยหรือไม่ เพื่อจะขับเคลื่อนงบประมาณไปยาวๆ นายเศรษฐา กล่าว อย่างที่บอกว่าตนไม่อยากจะเจาะจง ว่าปรับใหญ่ หรือปรับเล็ก หรือปรับใคร ไม่ปรับใครบ้าง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพูดคุย และผลงานของแต่ละคนด้วย
ถามว่า ปรับครม.ครั้งนี้จะไม่มีแรงกระเพื่อมที่ต้องตามแก้ภายหลัง ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ อ๋อ ไม่มั่นใจครับ ถ้าบอกว่าทุกอย่างไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีแรงกระเพื่อม มีความไม่สบายใจก็ต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับนะ ” นายกฯ กล่าว
“ไม่แน่ใจครับ ผมไม่ทราบเหมือนกัน ผมเอาปัญหาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง และเอาการทำงานเป็นที่ตั้ง ผมเชื่อว่าทุกท่านเข้าใจ ปรับออกไปแล้วก็ปรับเข้ามาใหม่ได้ มันแล้วแต่วาระของเหตุการณ์ในปัจจุบัน อย่างเหตุการณ์ปัจจุบันอาจต้องการบางบุคคลเข้าไปช่วยงานในสภา พอสภาแข็งแกร่ง ท่านอาจจะกลับเข้ามาใหม่ก็ได้ มันไม่ใช่เป็นอะไรที่จบแล้วจบเลย มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ในอดีตทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้วว่า การปรับ ครม.ก็มีการปรับเข้า ปรับออก เปลี่ยนกระทรวงไปแล้วกลับไปกระทรวงเดิมก็ยังเป็นไปได้ ตรงนี้อย่าพึ่งคิดอะไรมากเลยครับ ถ้ามันเกิดขึ้นเดี๋ยวค่อยมาว่ากันดีกว่า” นายกฯกล่าว เมื่อถูกถามเรื่องแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทย และย้ำว่าจุดประสงค์ใหญ่ถ้ามีการปรับครม. ก็ปรับให้ถูกฝา ถูกหน้าที่ ไม่ใช่แค่ดูที่รัฐบาลอย่างเดียว ต้องดูที่ระบบรัฐสภาด้วย ว่ามีความแข็งแกร่งขนาดไหน ต้องการคนช่วยเหลือตรงไหนบ้าง แน่นอนว่า เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง 7 เดือนที่แล้วกับวันนี้สถานการณ์ต่างกัน บางอย่างเรายังทำไม่ดีพอ บางอย่างเราคิดว่าทำได้ดีแล้ว ก็ต้องมาพิจารณาทั้งหมดโดยรวม
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 เมษายน นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับ สส.พรรคเพื่อไทย ที่ยังมีเสียงสะท้อนจากภายในพรรคว่าระหว่างนายกฯ กับสส. ยังมีระยะห่างกันมาก และส่วนหนึ่งมาจากการเข้มงวดเรื่องงบประมาณ ว่า หลายโครงการที่ขอมา ก็มีได้ อย่างที่บอกงบประมาณมีจำกัด และตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ดูแลภาษีของประชาชน และมีหน้าที่ตอบกับรัฐสภาว่าภาษีนั้น มีการใช้อย่างเหมาะสมหรือไม่ เช่น การสร้างสนามบิน ด่านชายแดนต่างๆ ต้องดูให้ดี เพราะมีการพูดคุย และดูองค์ประกอบหลายๆ อย่าง จึงอยากค่อยๆทำ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ขอให้ถึงเวลาก่อน ซึ่งหน้าที่ของตนเองก็ต้องปรับจูนระหว่างตนเองกับ สส.ของพรรคตลอดเวลา เพราะตนเองต้องหลังพิงประชาชน เพราะเป็นคนที่ส่งให้ตนเองมายืนอยู่ตรงนี้ และต้องผ่านสส. ที่มีถึง 141 คน ยังไงก็ต้องโน้มน้าวเข้าหาตลอดเวลา และพยายามอธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องคืออะไร
ดังนั้น เมื่อพิจารณาท่าทีดังกล่าวของ นายกรัฐมนตรี ก็ต้องฟันธงว่า ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังสงกรานต์แน่นอน โดยมีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่ามีรัฐมนตรีบางคนที่ต้องหลุดจากตำแหน่ง หรือไม่ก็สลับตำแหน่ง หรือย้ายจากตำแหน่งนี้ไปนั่งอีกเก้าอี้หนึ่ง เป็นต้น
สำหรับรายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่คาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนในเบื้องต้นมีดังนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะเข้ามานั่งตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แทนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอยู่ ขณะที่นายเศรษฐา จะเปลี่ยนไปนั่งควบกระทรวงกลาโหม แทนนายสุทิน คลังแสง ที่สังเกตได้จากการประชุมหน่วยงานความมั่นคง รับมือสถานการณ์เมียนมา แต่นายสุทิน ไม่ได้เข้าร่วม ซึ่ง นายสุทิน อาจต้องกลับไปรับหน้าที่ดูแลงานสภาฯ ให้กับพรรคเพื่อไทย และมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาฯสมช. ซึ่งเวลานี้เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็น รมช.กลาโหม
นายไชยา พรหมา ที่อาจต้องหลุดจากตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ทำงานไม่เข้าเป้าในช่วงที่ผ่านมา ส่วนกระทรวงที่มีแนวโน้มสลับกัน คือ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีโอกาสจะสลับตำแหน่งกับ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รมว.สาธารณสุข แทน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งจะกลับไปทำงานสภา คุมเกมการเมืองให้รัฐบาล เช่นเดียวกับ นายสุทิน
แน่นอนว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีที่จะถูกปรับเข้า หรือปรับเปลี่ยนดังกล่าว อาจมีการเปลี่ยนแปลงในที่สุด เพราะทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน และยังต้องเข้าใจด้วยว่า คนที่ชี้นิ้วจิ้มว่าจะเอาคนนั้นเข้า หรือออก ล้วนมาจาก “นายใหญ่” เท่านั้น ในฐานะเจ้าของพรรค และทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป แต่เอาเป็นว่างานนี้ปรับแน่และปรับใหญ่ ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน ก็จะเป็นคนจรดปากกาเซ็นในฐานะนายกฯ เท่านั้น !!