เมืองไทย 360 องศา
นาทีนี้ในบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์อันสนุกสนานทั่วไทย ทุกคนมีความสุขออกมาเฉลิมฉลองรื่นเริงบันเทิงใจ แม้ว่าสภาพอากาศจะร้อนจัด แต่เมื่อดูปริมาณจำนวนคนที่เข้าร่วมทั้งไทยและเทศเรียกว่าลืมความร้อนกันไปเลย
อย่างไรก็ดี ในท่ามกลางเทศกาลแห่งความสุข วันแห่งครอบครัว กลับกลายเป็นว่า ยังมีบางครอบครัว ที่ถือว่าเป็น “ครอบครัวการเมือง” กลับไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้เก็บเกี่ยวกับบรรยากาศที่ว่านั้นอย่างน่าเสียดาย จะเรียกว่า “พลาดอย่างแรง” ก็อาจพูดแบบนั้นได้ ใช่แล้ว หากโฟกัสไปที่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และเป็นแม่งานจัดเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศปีนี้
“เราจะปักหมุดให้สงกรานต์ในไทยปีหน้า เป็นเทศกาลที่คนทั้งโลกต้องบินมาเล่นที่บ้านเรา และสงกรานต์ปีหน้า เราจะไม่เล่นน้ำแค่ 3 วันนะคะ แต่จะจัดงานกันทั้งเดือน ทยอยจัดกันทั้งประเทศ 77 จังหวัด เตรียมวางแผนกันได้เลยนะคะว่า สัปดาห์ไหนของเดือนเมษายน อยากจะไปเล่นน้ำสงกรานต์กันที่จังหวัดไหนค่ะ มาร่วมกันทำให้สงกรานต์บ้านเรา เป็นเทศกาลที่ทั่วโลกต้องปักหมุดมาเล่นน้ำที่บ้านเรา และทำให้ประเทศไทยติด 1ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลกค่ะ”
นั่นเป็นคำพูดบางตอนของ “อุ๊งอิ๊ง” ในฐานะแม่งาน หรือเจ้าแม่ซอฟต์พาวเวอร์ ถึงการจัดงานเทศกาลมหาสงกรานต์ เป็นสุดยอดเฟสติวัล ในมิติใหม่อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับเชิญชวนคนทั้งโลกเข้ามาร่วมงาน เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว แต่กลายเป็นว่า ในวันสำคัญนี้ “แม่งาน กลับยกขบวนครอบครัวคือ เธอ สามี และลูกๆไปเที่ยวฮ่องกง” หน้าตาเฉย
แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้ไม่ผิด ทุกคนมีเสรีภาพไปพักผ่อนท่องเที่ยวที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ ยิ่งเป็นคนที่มีเงิน มีฐานะร่ำรวย การเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศก็ทำได้ ไม่แปลก แต่ที่แปลกสำหรับบางคน อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เวลานี้เป็นถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พรรคแกนนำรัฐบาล และที่สำคัญเธอเป็น “แม่งาน” ในการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ที่ปีนี้เธอก็แถลงเอง โดยหมายมั่นปั้นมือให้เป็นหนึ่งในสิบ “สุดยอดเฟสติวัลโลก” นั่นก็หมายความว่า เป็นเจ้าภาพเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาร่วมสนุกกับมหาเทศกาลนี้ในประเทศไทย
กลายเป็นว่า งานนี้ “เจ้าภาพไม่อยู่” แต่เชิญแขกมาเต็มบ้าน แบบนี้หมายความว่าอย่างไร ทำให้มองได้อย่างเดียวว่า “ไม่มีวุฒิภาวะ” หรือไม่ก็ได้ตำแหน่งมาในฐานะ “ลูกเถ้าแก่” เท่านั้น ไม่ได้มาด้วยความสามารถที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นเหมือนคนทั่วไป
แม้ว่าที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร พ่อของเธอจะโปรโมตเธออย่างเต็มที่ ด้วยการการันตีว่า นี่คือ “ดีเอ็นเอ” ที่มีจุดเด่นจากพ่อและแม่มาเต็ม เพื่อมาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย และเป็นตัวแทนในทางการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปได้อย่างดี
นายทักษิณ ระบุว่า “พรรคเพื่อไทยถูกกล่าวหาว่า เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ เรื่องนี้ผมบอกได้เลยว่าไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอ ของพรรคเพื่อไทย หรือไทยรักไทย แต่พรรคเพื่อไทยจริงๆ สร้างมาจากไทยรักไทย เป็นพรรคที่รีฟอร์มหรือเป็นพรรคผู้นำในการเปลี่ยนแปลง
“สำหรับ อุ๊งอิ๊ง (น.ส.แพทองธาร) ผมมั่นใจว่า จะสามารถนำทีมพลิกเกมได้ไม่ยาก เป็นดีเอ็นเอ ระหว่างคุณหญิงพจมาน (ดามาพงศ์) กับผม ผสมกันเป็น อิ๊ง คือ เอาส่วนเข้มแข็ง อดทน เด็ดขาดมาจากคุณหญิงพจมาน และเอาส่วนที่พบปะผู้คน เข้าใจการเมืองมาจากผม และเชื่อว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีได้ ไม่ใช่มาเชียร์ลูก แต่ในเมื่อผมทำได้ ดีเอ็นเอผมก็ต้องทำได้ และทำได้ดีกว่าด้วย” นายทักษิณกล่าว
หากพิจารณาจากคำพูดข้างต้นของ นายทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้เหมือนกับว่าเขากำลัง “แบก” ทั้งพรรคเพื่อไทย และลูกสาวของเขา คือ“อุ๊งอิ๊ง” ไว้เต็มบ่า และเชื่อว่ามีลักษณะ “หลังแอ่น” เสียด้วย เพราะเวลานี้หลายเรื่องกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ ผิดความคาดหมายไปหมด หลายนโยบายกำลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก
เริ่มตั้งแต่คำพูดที่เหยียดหยามจากบรรดาคนที่เคยสนับสนุนตั้งแต่ “ตระบัดสัตย์” กรณีข้ามขั้ว มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมหลายพรรค ถึงกับมีคลิปเยาะเย้ยคำพูดหาเสียงของ น.ส.แพทองธาร ที่กล่าวตอนหนึ่งว่า “ปิดสวิตซ์ สามป. ประชาชนมีกินมีใช้ไปพร้อมๆ กันฯ” พร้อมกับต่อท้ายด้วยคำไม่สุภาพ ซึ่งเชื่อว่ากลายเป็นภาพหลอนไปแล้ว หรือแม้แต่นโยบาย “ยาบ้า 5 เม็ด” ก็ถูกวิจารณ์ต่อต้าน ถูกระบุว่า ทำให้ยาบ้าระบาด มีคนเสพยาจนหลอนมากขึ้น
ล่าสุดนโยบายเรือธงอย่าง “ดิจิทัล วอลเล็ต” ที่เวลานี้แม้ว่าจะชี้แจงที่มาของเงินที่จะนำมาแจกได้แล้ว แต่กลายเป็นว่า ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง ทั้งในเรื่องของการเป็นหนี้มหาศาล ได้ไม่คุ้มเสีย และที่สำคัญอาจไปไม่รอดกับการ “กู้ยืม” เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ซึ่งมีความเสี่ยงทางกฎหมายในเรื่องการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์
เมื่อวกกลับมาที่เรื่อง “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่พรรคเพื่อไทยคิดจะใช้เป็นไม้เด็ดสำคัญ รวมไปถึงมีเจตนาที่จะโปรโมต น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้มีจุดเด่น เป็นผู้นำทางการเมือง แต่กลายเป็นว่า “ตัวบุคคล” ไม่ปังอย่างที่คิด อย่างที่บอก คนเป็นแม่งาน จัดเทศกาลสงกรานต์ เชิญแขกจากทั่วโลกให้มาเยือน มาเที่ยว แต่เจ้าภาพไม่อยู่บ้าน หรือก่อนหน้านั้น พยายามชูในเรื่องเสื้อผ้าผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ผ้าไหม ผ้าขาวม้า เป็นต้น แต่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งตัวมีแต่ของแบรนด์เนม แบรนด์นอก มูลค่านับแสนทั้งตัว
หากสังเกตให้ดียิ่งนานไป แทนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะมีความโดดเด่น มาแรง แต่กลายเป็นตรงกันข้าม ถูกวิจารณ์ในทางลบ เครดิตหมองลงไปเรื่อยๆ พิสูจน์ได้จากผลสำรวจที่ออกมาระยะหลัง ก็มีความนิยมลดลงเรื่อยๆ และยิ่งเมื่อเทียบกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ถูกทิ้งห่างลิบลับ ทำให้ความหวังที่จะผลักดันขึ้นมาเป็นนายกฯ คนถัดไป ต้องคิดหนักเหมือนกัน
และการที่มีหลายคนวิเคราะห์ว่า น.ส.แพทองธาร อาจจะถูกผลักดันขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังในวาระที่เหลือ เพื่อความชัวร์ ไม่รอให้ถึงการเลือกตั้งใหม่ เพราะมีความเสี่ยงเกินไป แต่มาถึงตอนนี้ มันก็ไม่แน่แล้ว และ นายเศรษฐา อาจได้อยู่ไปอีกสักพัก เพราะคนที่ถูกโปรโมตขึ้นมานั้นคุณภาพยังไม่ถึงขั้น
ดังนั้นในทางการเมือง ก็ต้องบอกว่า สำหรับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์นี้ ถือว่า “พลาดอย่างแรง” ที่ไม่อยู่ร่วมงานเทศกาลสงกรานต์ วันแห่งครอบครัว กลับยกขบวนครอบครัวตัวเองไปเที่ยวฮ่องกง ภาพจึงออกมาไม่สวย ปล่อยพ่อ คือนายทักษิณ ขึ้นเชียงใหม่ “แบก” อยู่คนเดียว ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน ยังเป็นงานกว่า ร่วมกิจกรรมกับชาวบ้าน ภาพที่ออกมาจึงเทียบกันไม่ได้ !!