ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ศิษย์เศร้า“สมณะโพธิรักษ์” ผู้นำจิตวิญญาณแห่งสันติอโศก มรณภาพ สิริอายุ 90 ปี
บรรดาศิษย์สันติอโศก ต่างเศร้าเสียใจ เมื่อทราบข่าว “พ่อครูสมณะโพธิรักษ์” มรณภาพ ด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 06.40น. วันพฤหัสบดี 11 เมษายน 2567
ก่อนหน้านี้ “สมณะโพธิรักษ์” เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวารินชำราบ ด้วยอาการปอดอักเสบ และออกจากโรงพยาบาล กลับราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนมรณภาพ สิริอายุ 90 ปี
สมณะโพธิรักษ์ มีชื่อจริงว่า "มงคล รักพงษ์" เกิดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2477 ที่ จ.ศรีสะเกษ บิดาเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก มารดาประกอบอาชีพที่ จ.อุบลราชธานี ได้มีโอกาสเข้าศึกษาที่โรงเรียนเพาะช่าง แผนกวิจิตรศิลป์ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "รัก รักพงษ์"
เมื่อจบการศึกษา เข้าทำงานที่ บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ในปี 2501 เป็นผู้จัดรายการเด็ก รายการการศึกษา และรายการวิชาการ ยังเป็นครูพิเศษ สอนศิลปะตามโรงเรียนต่างๆ
มีความสามารถในศิลปการประพันธ์ ทั้งเรื่องสั้น สารคดี บทกวี บทเพลง โดยเฉพาะเพลง "ผู้แพ้" ซึ่งประพันธ์ สมัยยังเรียนอยู่เพาะช่าง ได้รับความนิยมมาในยุคนั้น ยังมีเพลงประกอบภาพยนตร์ เรื่องโทน เช่น เพลงฟ้าต่ำแผ่นดินสูง เพลงชื่นรัก เพลงกระต่ายเพ้อ ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
เคยสนใจเรื่องไสยศาสตร์ อยู่ระยะหนึ่ง ก่อนมาศึกษาพุทธศาสนาอย่างจริงจัง และได้ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด เลิกละอบายมุข กามคุณ รับประทานอาหารมังสวิรัติ วันละ1มื้อ
จากนั้นได้อุปสมบท ที่วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ในคณะธรรมยุติกนิกาย เมื่อปี 2513 ได้รับฉายาว่า "พระโพธิรักขิโต" โดยมี “พระราชวรคุณ” เป็นอุปัชฌาย์ เป็นผู้ปฏิบัติเคร่งครัด เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใส มีผู้มาขอศึกษาปฏิบัติตาม ทั้งฆราวาสและนักบวช จากคณะธรรมยุตและมหานิกาย
ต่อมาพระราชวรคุณ ไม่ต้องการให้พระฝ่ายมหานิกาย มาศึกษาอยู่ร่วมด้วย “พระโพธิรักษ์” จึงเข้ารับการสวดญัตติฯ เป็นพระของคณะมหานิกาย อีกคณะหนึ่ง ที่วัดหนองกระทุ่ม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยมี “พระครูสถิตวุฒิคุณ” เป็นอุปัชฌาย์ เมื่อปี 2516 และได้คืนใบสุทธิให้ฝ่ายธรรมยุตไป ถือแต่ใบสุทธิฝ่ายมหานิกาย เพียงอย่างเดียว
ด้วยการปฏิบัติที่เคร่งครัด ฉันอาหารมังสวิรัติ วันละ 1 มื้อ ไม่ใช้เงินทอง นุ่งห่มผ้าย้อมสีกรัก มีชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่มีการเรี่ยไร ไม่รดน้ำมนต์ ไม่ใช้การบูชาด้วยธูปเทียน และไม่มีไสยศาสตร์ ซึ่งแตกต่างจากพระสงฆ์ในมหาเถรสมาคม ที่มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ทำให้บางครั้งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นพระนอกรีต การทำงานด้านศาสนา ก็มีอุปสรรคตลอดมา “พระโพธิรักษ์” และคณะจึงประกาศลาออกจากมหาเถรสมาคม เมื่อปี 2518
แต่เมื่อถูกพิพากษาว่า ไม่สามารถเรียกขานตนเองว่า “พระ” ได้ จึงเรียกตนเองว่า "สมณะ" แทน แต่ยังคงปฏิบัติเคร่งครัดเหมือนเดิม
นั่งจึงเป็นที่มาของ “สมณะโพธิรักษ์” ส่วนกลุ่มผู้เลื่อมใสศรัทธาก็เรียกว่าตัวเองว่า "กลุ่มชาวอโศก" มีการสร้างชุมชนบุญนิยมขึ้น และก่อตั้งพุทธสถานสันติอโศก ที่ ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เป็นที่แรกเมื่อปี 2519
หลังจากนั้น ได้ก่อตั้งและสนับสนุนให้เกิดกลุ่ม เกิดชุมชนเครือข่าย เป็นชุมชนพึ่งตนเองแบบครบวงจร รวมทั้งเกิดพุทธสถาน และชุมชนบุญนิยมรวม 9 แห่ง ได้แก่ พุทธสถานสันติอโศก เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ, พุทธสถานปฐมอโศก อ.เมืองฯ จ.นครปฐม, พุทธสถานศีรษะอโศก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ, พุทธสถานศาลีอโศก อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์, พุทธสถานสีมาอโศก อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา, พุทธสถานราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี, พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่, สังฆสถานทะเลธรรม อ.เมืองฯ จ.ตรัง และ สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
ในทางการเมือง “สมณะโพธิรักษ์” เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “พรรคพลังธรรม” ร่วมกับ “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง”ในปี 2531 ใช้ “ธรรมนำการเมือง” จนได้รับความนิยมสูงสุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อมา ปี 2535 ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ “พล.อ.สุจินดา คราประยูร” หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช.) ตระบัดสัตย์ จึงนำพาผู้ปฏิบัติธรรมสันติอโศก เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
จากนั้น มีการชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” ร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปี 2549 และ 2551 การชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ในปี 2556 , การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในปี 2556-2557
ล่าสุด “สมณะโพธิรักษ์”ได้ส่งกองทัพธรรมไปสมทบกับการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) Save กระบวนการยุติธรรม ที่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อประท้วง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ทำลายกระบวนการยุติธรรม โดยเป็นนักโทษที่ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว
การมรณภาพของ “สมณะโพธิรักษ์”ได้สร้างความโศกเศร้า เสียใจ แก่สานุศิษย์ชาวอโศก เป็นอย่างยิ่ง
“ข่าวปนคน คนปนข่าว” ขอร่วมแสดงความอาลัย มา ณ โอกาสนี้
**ของแทร่หรือของปลอม คนก้าวไกลปัดเอี่ยวญาติขนย้ายแคดเมียมเถื่อน
งานเข้าเต็มๆ สำหรับ “ส.ก.เนอส” ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล เพราะมีนามสกุลเดียวกับ “เจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย” กรรมการบริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนกากแคดเมียม ออกจากที่ฝังกลบ ของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด(มหาชน) ใน จ.ตาก มาเก็บไว้ที่โกดังของบริษัท ใน ต.บางน้ำจืด อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร
โดยเจ้าหน้าที่ตรวจพบกากแคดเมียมใส่ถุงบิ๊กแบก ซุกไว้ที่โรงงานของบริษัทรวมทั้งสิ้นกว่า 6,000 ตัน โดยไม่มีเอกสารใบอนุญาตขนย้ายและกักเก็บ และพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก. ปทส.) ได้นัดหมายให้ “เสี่ยเจษฎา” ไปให้ปากคำเมื่อวานนี้ (11 เม.ย.) แต่เจ้าตัวได้ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 18 เม.ย. โดยอ้างว่ายังอยู่ต่างจังหวัด
คาดหมายกันว่า “เสี่ยเจษฎา” จะต้องโดนข้อหาอ่วมแน่ จากการมีวัตถุอันตรายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งข้อหา พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ,พ.ร.บ.แร่ ,พ.ร.บ.สาธารณสุข และพ.ร.บ.วัตถุอันตราย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษ จากนั้นจึงจะได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมกันทีเดียว
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ปริมาณแคดเมียมที่ถูกลักลอบขนออกมาจาก จ.ตาก มีทั้งสิ้นราวๆ 13,800 ตัน พบที่โรงงานของบริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ประมาณ 6,500 ตัน นอกจากนั้น ยังพบกระจายที่โรงงานใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี 4,400 ตัน ที่โกดังใน อ.กระทุ่มแบน และ ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร อีก รวมกันราว 1,500 ตัน
ล่าสุด เมื่อวันที่10 เม.ย.ที่ผ่านมา “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” รมว.อุตสาหกรรม นำทีมออกตรวจพบที่ บริษัท ล้อโลหะไทยเมททอล จำกัด ในซอยเรียงปรีชา ถนนประชาราษฎร์ แขวงบางซี่อ เขตบางซื่อ กทม. ประมาณ 150 ตัน
ซึ่งกลายเป็นจุดพีก เมื่อพบว่า บริษัท ล้อโลหะไทยเมททอล จำกัด ก็มีชื่อ“เจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย” เป็นกรรมการด้วย
ค้นข้อมูลบริษัท ก็พบว่า ทั้งบริษัท ล้อโลหะไทยเมททอล จำกัด และ บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ต่างก็มี “นายเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย” และ “นางวรรณา เก่งรุ่งเรืองชัย” เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของทั้งสองบริษัท
ไม่เท่านั้น ยังพบว่า พื้นที่เขตบางซื่อ ที่ตั้งบริษัทล้อโลหะไทยเมททอล จำกัด ก็คือพื้นที่ฐานเสียงของ “ส.ก.เนอส ก้าวไกล” นั่นเอง
เสียงเอ๊ะ! แห่งความสงสัย จึงดังขึ้นไปทั่ว ว่า “ส.ก.เนอส” เกี่ยวข้องอะไรด้วยหรือเปล่า ?
“ส.ก.เนอส” ต้องรีบชี้แจง ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.ว่า เรื่องที่มีนามสกุลเดียวกันกับเจ้าของโรงงานแอบซุกแคดเมียม ก็เนื่องจาก “เจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย” เป็นอา (น้องของพ่อ) โดยเมื่อก่อนรุ่นอากงทำธุรกิจค้าของเก่าเป็นกงสี แต่บริษัทของพ่อเนอสได้แยกออกจากกงสีมาตั้งอยู่ที่ จ.นนทบุรี มากกว่า 20 ปีแล้ว
“ส.ก.เนอส” ยืนยันว่า ได้ออกจากบริษัทของพ่อมามากกว่า 5 ปีแล้ว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าของเก่าในเขตบางซื่อ หรือสมุทรสาคร แต่อย่างใด
“เนอสมาลงสนามการเมือง แค่ต้องการทำให้เขตบางซื่อที่อยู่มาตั้งแต่เกิดดีขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีความคิด หรือกระทำการใด ที่จะเอื้อประโยชน์หรือปกป้องเครือญาติและครอบครัว หากใครทำงานในสำนักงานเขตบางซื่อ และกทม.ก็น่าจะทราบดี
“เนอสเชื่อในความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ชัดเจน ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นพ่อ แม่ ครอบครัว หรือญาติกันก็ตาม เมื่อคนเท่ากัน ก็ต้องเท่ากันในการบังคับใช้กฎหมายทุกมาตราด้วย” ส.ก.เนอส กล่าวยืนยัน ความโปร่งใส บริสุทธิ์
ขณะที่เพจเฟซบุ๊กที่คอยเกาะติดพฤติกรรมพรรคก้าวไกลแบบทุกย่างก้าวอย่าง เพจ “วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร-สำรอง” ไม่เชื่อในความซื่อสัตย์ของพรรคก้าวไกล ในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ โดยเมื่อวาน (11 เม.ย.) ได้โพสต์ข้อความ บอกว่าให้มาดูความปลอมเปลือก และความไม่ตรงไปตรงมา กรณีกากแคดเมียม ของพรรคก้าวไกล 3 ข้อ ด้วยกัน คือ
1. ท่าทีของพรคก้าวไกลเปลี่ยนไป หลังมีข่าวพบกากแคดเมียมที่สมุทรสาคร “พิธาและพรรคก้าวไกล” รีบเสนอหน้าโจมตีกล่าวหารัฐบาลจัดการปัญหาช้า ไร้ทิศทาง จนท.รับส่วย จากโรงงาน ทั้งๆ ที่ รมว.อุตสาหกรรม และทีมงานรัฐบาล ลงพื้นที่ตรวจสอบและแก้ปัญหาทันที
แต่วันต่อมา ข่าวเสนอชื่อ นามสกุล เจ้าของโรงงาน พรรคก้าวไกล และ สส.เงียบหายไม่พูดถึงกากแคดเมียมอีกเลย
2. “สส.กานต์” บางซื่อ ก้าวไกล รีบปล่อยข่าวว่า กากแคดเมียมที่พบในเขต ไม่เป็นอันตราย ไม่พบการแพร่กระจาย ทั้งๆ ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบยังตรวจไม่เรียบร้อย สร้างข่าวสับสนให้กับสังคม ล่าสุด กทม.ต้องประกาศเป็นพื้นที่อันตราย
3. “สก.เนอส” บางซื่อ ก้าวไกล ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นโรงงานของญาติ แต่ตอนไลฟ์สด แกล้งทำเป็นไม่รู้จักโรงงาน พูดเหมือนไม่รู้จัก ฉันไม่รู้จักเธอ และตามหลักการตรวจสอบ ผู้ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง ต้องออกจากพื้นที่ เพราะเสี่ยงต่อการช่วยเหลือ ปิดบังซ่อนเร้นหลักฐาน และเอาข้อมูลของรัฐไปบอกโรงงานได้
“ช่วงปิดสมัยประชุมและหยุดสงกรานต์ หนูขอเรียกร้องให้พรรคก้าวไกล ส่องกระจก ทบทวน ตัวเอง และสัญญาว่า จะไม่เป็นภาระของสังคมได้หรือไม่ ขอบคุณค่ะ” เพจจอมแฉพรรคก้าวไกล ระบุทิ้งท้าย