“นครินทร์” ยันศาล รธน.ไม่มีธงพิจารณาคดี ชี้ออกได้แค่ขัดหรือไม่ขัด รธน. ไม่มีตรงกลาง ยินดีรับเสียงวิจารณ์ แต่ต้องดูว่าทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้หรือไม่ เผย คำร้องสภาขอตีความประชามติแก้ รธน.ถึงมือแล้วเตรียมถก 17 เม.ย.
วันนี้ (10 เม.ย.) นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการจัดงานครบรอบ 26 ปี ศาลรัฐธรรมนูญ ว่า วันนี้เป็นการประชุมทางวิชาการที่ได้มีการเตรียมการมาสักระยะหนึ่งแล้ว ช่วงเช้าได้รับเกียรติจากประธานศาลรัฐธรรมนูญจอร์เจีย ตอนบ่ายก็จะเป็นการอภิปราย
ส่วนการอภิปรายในหัวข้อศาลรัฐธรรมนูญกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เราเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญบรรลุวัตถุประสงค์ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญพอสมควร คำว่าพิทักษ์รัฐธรรมนูญปัญหาของประเทศไทยคือเรามีรัฐธรรมนูญหลายฉบับนับตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งอยากให้สังเกตว่าแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่โดยภาพรวมโครงสร้างทางการเมืองไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก โดยยังมีการปกครองระบอบรัฐสภา เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญก็มีอำนาจบางอย่างหายไปบางอย่างเพิ่มขึ้น เช่น การให้ประชาชนยื่นร้องเรียนตรงมายังศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีมากพอสมควร หรือที่หายไปเช่นอำนาจการยุบพรรคอันเนื่องมาจากพรรคการเมืองไม่ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายของพรรค
ส่วนที่การวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมค่อนข้างมาก นายนครินทร์ กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิ่งที่ดีแต่น่าคิดว่าการวิพากษ์วิจารณ์นั้นทำให้บ้านเมืองสงบคือเป็นที่ยอมรับหรือไม่ เดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ ปัญหาอยู่ตรงนี้ไม่ได้อยู่ตรงที่การวิพากษ์วิจารณ์ เพราะการวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องจำเป็นซึ่งตนก็ยินดีที่จะรับคำวิจารณ์จากทั้งนักวิชาการพรรคการเมือง องค์กรต่างๆ การสัมมนาวันนี้เราก็เชิญพรรคการเมืองมาร่วมหลายพรรค สามารถวิจารณ์ได้เต็มที่ แต่ต้องวิจารณ์โดยสุจริตไม่ใช้คำหยาบคาย ดูถูกเหยียดหยามองค์กรตุลาการเพราะมีโทษทางกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การวิพากษ์วิจารณ์ก่อให้เกิดแรงกระแทก ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ก็เข้าใจ แต่ในแง่หนึ่งแสดงให้เห็นว่า ศาลเป็นที่ยอมรับ เพราะข้อขัดแย้งทางการเมืองมันไม่ได้ลดน้อยไป แต่ปัญหาคือเมื่อมีข้อขัดแย้งทางการเมืองแล้วจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ความจริงการแก้ไขปัญหาทางการเมืองส่วนหนึ่งมาจากการเจรจาของพรรคการเมืองและองค์กรต่างๆ ถ้าตกลงกันได้ก็ไม่ต้องมาศาลจบที่สภาดีกว่า แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้แล้ว แต่ยื่นมาศาลก็แสดงว่าเห็นศาลเป็นที่พึ่ง ซึ่งก็จะให้โต้แย้งกันและศาลจะรับฟังสองฝ่าย และพิจารณาทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายก่อนที่จะตัดสิน
ส่วนที่บางคนมองว่า การตัดสินหลายครั้งมีธงนั้น เห็นว่า เรื่องที่ขึ้นมาศาลจะออกได้เพียง 2 หน้า คือ ซ้ายกับขวาเท่านั้น ไม่มีตรงกลาง ตนเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนลูกศิษย์มันตอบได้หลายทาง ซึ่งก็ถูกหมด ใครให้เหตุผลดีก็ได้คะแนนไป แต่มาศาลออกได้แค่ด้านซ้าย ด้านขวาเท่านั้น คือ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราอาจคิดว่ามันเป็นธง คำว่า “ธง” เป็นกิจกรรมการเรียนของคณะนิติศาสตร์ เวลาเรียนวิชากฎหมายก็ต้องมีธงซึ่งต้องไปอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาเก่าๆ คำตอบของครูบาอาจารย์เก่าๆ แล้วเอามาเป็นธงว่าข้อกฎหมายนี้จะตอบอย่างไร แต่สำหรับในศาลรัฐธรรมนูญไม่มีธง เราโต้เถียงกันมากพอสมควรและต้องดีใจว่าเรามีตุลาการใหม่เพิ่มเข้ามา ทั้ง นายอุดม รัฐอมฤต และ นายสุเมธ รอยเจริญกุล ซึ่งก็จะทำให้ความเห็นทิศทางบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้
เมื่อถามว่า สภามีมติยื่นคำร้องขอให้ศาลฯพิจารณาเรื่องการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าต้องทำประชามติกี่ครั้ง นายนครินทร์ กล่าวว่า ยื่นมาแล้ว และจะพิจารณาวันที่ 17 เม.ย.