xs
xsm
sm
md
lg

“ทัพเรือ”สรุปเหตุสุดวิสัย ทำ“รล.สุโขทัย”ล่ม ผู้การเรือฯตายเดี่ยว ลาออกราชการรับผิดชอบ ผลสอบชี้ตัดสินใจพลาด แต่ไม่จงใจทำผิด ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง หึ่ง “บิ๊กทิน -สภาฯ” จ่อตั้ง กก.สอบอีกหน **ดีเอ็นเอพ่อ? “อุ๊งอิ๊ง” ตีมึน ไม่เข้าใจดรามาภาพ “แม้ว” ลงสระ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**“ทัพเรือ”สรุปเหตุสุดวิสัย ทำ“รล.สุโขทัย”ล่ม ผู้การเรือฯตายเดี่ยว ลาออกราชการรับผิดชอบ ผลสอบชี้ตัดสินใจพลาด แต่ไม่จงใจทำผิด ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง หึ่ง “บิ๊กทิน -สภาฯ” จ่อตั้ง กก.สอบอีกหน

เป็นเวลากว่า 15 เดือน ที่สุด “กองทัพเรือ”ก็ได้ฤกษ์ผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณี “เรือหลวงสุโขทัย” ที่อับปาง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.65 อันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย และผู้สูญหาย 5 ราย

โดยมี “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธ์เอี่ยม ผบ.ทร. เป็นประธานแถลงด้วยตัวเอง ที่ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ กทม.

มีการเปิดเผยว่า ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงครั้งนี้ ผ่านคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 3 คณะ ก่อนจะได้ผลสอบสวนที่นำมาแถลงอย่างเป็นทางการ

สาระสำคัญระบุถึงสาเหตุที่ทำให้ “เรือหลวงสุโขทัย” จม ว่าเป็นเพราะ“เหตุสุดวิสัย” คลื่นลมรุนแรงกว่าที่พยากรณ์ มีคลื่นใหญ่ซัดเข้าตัวเรือ ทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหาย ทำให้เรือเสียการทรงตัวจนอับปาง

รวมทั้งยังบรรยายถึงสภาพเรือที่ประจำการมากว่า 40 ปี และอยู่ในช่วงท้ายที่จะเข้าสู่การปลดประจำการ เมื่อประสบเหตุ ทำระบบภายในบางส่วนใช้การไม่ได้ เครื่องยนต์ไม่สามารถรับภาระได้

ผลสอบสวนว่าไปถึงการจัดการในช่วงเผชิญเหตุว่า ไม่ได้เกิดจากความจงใจของ “ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย” รวมถึงกำลังพลบนเรือ แต่เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวนอย่างฉับพลัน ทำให้เรือเกิดสภาวะผิดปกติ และน้ำเข้าเรือ จากรูทะลุเป็นเหตุทำให้เรือเอียง และอับปางในที่สุด

พล.ร.อ.อะดุง พันธ์เอี่ยม
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนำเรือกลับฐานทัพเรือสัตหีบ ของ “ผู้การเรือหลวงสุโขทัย” ซึ่งมีระยะทางไกล และใช้ระยะเวลาเดินทางมากกว่า เป็นดุลยพินิจโดย “ขาดความรอบคอบ” ทำให้เกิดความเสียหาย

เชื่อว่าการอับปางของ “เรือหลวงสุโขทัย” มีส่วนเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ การใช้ดุลยพินิจโดยขาดความรอบคอบ ทำให้เกิดความเสียหายของ “ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย” เป็นความผิดตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ 2476 โดยเห็นสมควรลงทัณฑ์ "กัก" เป็นเวลา 15 วัน

ส่วนในความผิดทางอาญา อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่คณะกรรมการสอบเท็จจริงความรับผิดชอบทางละเมิด สรุปว่า ไม่เข้าเงื่อนไขที่จะต้องรับผิดทางละเมิด ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายทาง “แพ่ง” ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการตอบคำถาทถึงกรณีที่กำลังพลบนเรือไม่มีเสื้อชูชีพครบตามจำนวนด้วยว่า กำลังพลที่ประจำเรือหลวงสุโขทัย มีเสื้อชูชีพครบทุกคน มีเพียงกำลังพลจากหน่วยอื่นที่อาศัยเรือเดินทางเพื่อไป จ.ชุมพร ที่ขณะแจกเสื้อชูชีพ ติดภารกิจส่วนตัว หรือบางส่วนไม่ได้เดินไปรับ เนื่องจากไม่คุ้นกับทางสัญจรภายในเรือด้วย

ผลสอบที่ออกมา ถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมาย จนไม่พ้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า โทษลมโทษฟ้า โทษเรือเก่า!!

และสุดท้ายก็เป็น “ผู้การเถื่อน” น.ท.พิชิตชัย เถื่อนนาดี ผู้การเรือหลวงสุโขทัย ที่ต้องแสดงสปิริต รับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวน้อมรับโทษตามผลสอบสวน และขอแสดงเจตจำนงขอลาออกจากจากราชการทันที

น.ท.พิชิตชัย เถื่อนนาดี
“หลังจากเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมขอแสดงเจตน์จำนงค์ ลาออกจากกองทัพเรือ รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงเป็นการดำรงไว้ซึ่งเกียรติ และตำแหน่งผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย” น.ท.พิชิตชัย ว่าไว้ภายหลังจากชี้แจงการตัดสินใจขณะเกิดเหตุ

อย่างไรก็ดี บทสรุปที่แถลงครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย เพราะมีกระแสข่าวหนาหูว่า “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เตรียมที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ในนามกระทรงงกลาโหมขึ้นมาอีกคณะ โดยจะเชิญ “คนนอก” เข้าร่วมด้วย

สอดรับกับ “จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” สส.ตัวตึงจากพรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.ทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่เกาะติดเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น และเพิ่งอภิปรายเรื่องนี้ในการอภิปรายซักถามรัฐบาลแบบไม่ลงมติ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ได้ร่วมรับฟังการแถงข่าวด้วย ก็มีแนวคิดที่จะเสนอต่อสภาฯ ให้ตั้งกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมด้วย

“จิรัฏฐ์” แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่พอใจผลการสอบสวนที่ออกมา เพราะยังติดใจสงสัยในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการที่ไม่กู้เรือหลวงสุโขทัยขึ้น โดยมีข้อสังเกตว่า อาจมีความพยายามปิดบังอะไร หรือไม่

ทำท่าว่า “เรือหลวงสุโขทัย” คงกลายเป็นมหากาพย์ ที่คอยทิ่มแทง “กองทัพเรือ” ไปตลอดในอนาคตข้างหน้า

 สุทิน คลังแสง
**ดีเอ็นเอพ่อ? “อุ๊งอิ๊ง” ตีมึน ไม่เข้าใจดรามาภาพ “แม้ว” ลงสระ

หรือนี่จะเป็นวิธีจัดการในภาวะวิกฤต หรือ crisis management แบบ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ด้วยการทำเป็นใสซื่อ ไม่เข้าใจดรามา หลังโพสต์ภาพ “พ่อแม้ว” เล่นน้ำในสระกับหลานอย่างสนุกสนาน ตอกย้ำข้อครหาว่า อาการป่วยหนักของ “นช.ทักษิณ” เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อเป็นข้ออ้างที่จะต้องนอนในเรือนจำแม้แต่คืนเดียว

ถ้าเป็นคนอื่นคงอ้ำๆ อึ้งๆ พูดอะไรไม่ออก เพราะโดนจับโป๊ะรัวๆ เรื่องอาการป่วยทิพย์มาหลายรอบแล้ว

เอาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเมืองไทยและเข้าเรือนจำ 22 สิงหาคม 2566 เข้าไปปุ๊บ ก็ป่วยหนักปั๊บ ต้องหามออกไปอยู่ห้อง “วีไอพี ชั้น 14” รพ.ตำรวจ อ้างป่วย 4 โรคร้ายแรง รพ.ราชทัณฑ์ ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือและแพทย์เฉพาะทางที่จะรักษา ทั้งที่ตอนลงจากเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ก็เห็นเดินทักทายกับผู้คนที่มารอต้อนรับเป็นปกติ

อยู่ รพ.ตำรวจจนครบ 90 วัน ถึงเกณฑ์ที่ต้องส่งกลับเรือนจำ ก็อ้างว่าอาการยังอยู่ไม่พ้นขีดอันตราย ต้องอยู่ชั้น 14 ต่อไป จนครบ120 วัน ถึงเกณฑ์ที่ต้องส่งกลับเรือนจำอีกครั้ง ก็อ้างว่ายังมีอาการเจ็บป่วยหลายประการที่ต้องเฝ้าระวัง แพทย์เฉพาะทางต้องดูแลใกล้ชิด เพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิต

แต่พอครบกำหนดวันที่จะได้พักโทษ 18 ก.พ.67 ก็ออกจาก รพ. มาอยู่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ได้ทันที ไม่ต้องกลัวอันตรายแก่ชีวิตอีกแล้ว ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่เหมือนคนป่วยหนัก นอกจากใส่เฝือกคอ กับที่คล้องแขนเป็นพร็อพประกอบ เพื่อให้ดูว่ายังป่วยอยู่

คนทั้งประเทศ ยังจำได้ หลังจาก “ทักษิณ” ออกจากรพ. บรรดาคนแวดล้อมรอบกาย ต่างออกมาช่วยยืนยันถึงอาการป่วยหนัก อย่างเช่น “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม ก็บอกว่า ใส่ที่คล้องแขนเพราะกระดูกหัก ตนเห็นว่าหักจริง ทำเป็นสร้างภาพไม่ได้

ส่วน “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ก็ยืนยันว่า “ทักษิณ” เอ็นหัวไหล่ขาด เป็นโรคทั่วไปที่คนแก่เป็นกัน ตนก็เคยเป็น “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติก็เป็น ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย

 แพทองธาร ชินวัตร
ต่อมา วันที่ 20 ก.พ.67 “บรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดแถลงข่าวที่พรรค ถึงอาการป่วยของนายใหญ่ ว่า ยังมีหลายโรครุมเร้า เนื่องจากติดโควิด 3 รอบ รอบแรกหนักถึงขั้นเข้าไอซียู หลังจากนั้นก็มีอาการตามมาเยอะมาก เพราะอายุเกิน 70 แล้ว

ส่วนภาพที่เห็นคล้องแขนออกมานั้น เนื่องจากเป็น “เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย” ต้องทำกายภาพหลังจากนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ปี จึงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และในขณะอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ก็ได้เข้ารับการผ่าตัด เพื่อทำให้เส้นเอ็นเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ด้วยวัยจึงจำเป็นที่จะต้องใส่เฝือกอ่อนที่แขนไว้ก่อน

ส่วนที่เห็นใส่เฝือกคอ เพราะทักษิณเป็น “โรคกระดูกคอเสื่อม” หมอทำเอ็มอาร์ไอแล้ว แนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด แต่ยังไม่ได้ผ่า ขอออกมาจากรพ.ก่อน เดี๋ยวค่อยกลับเข้าไปใหม่ เพราะมีโรคอื่นรุมเร้าอยู่

แต่หลังจากนั้นไม่นาน “ทักษิณ” ก็ไม่มีสภาพเหมือนคนที่เป็นหลายโรครุมเร้า ช่วงกลางเดือนมีนาคม ก็ออกทัวร์ตระเวนกินตระเวนเที่ยวและไหว้บรรพบุรุษที่เชียงใหม่ วันแรกๆ ก็ใส่เฝือกอ่อนที่คอ แต่วันต่อมาก็ใจกล้ามากขึ้น ไม่ต้องใส่เลย โดยกรมคุมประพฤติที่อนุญาตให้ออกนอกพื้นที่ก็อ้างว่า เพื่อให้ไปพบแพทย์ทางเลือก แต่ก็ไม่เห็นว่าได้ไปพบแพทย์ทางเลือกที่ไหน

ภาพ “ทักษิณ” เล่นน้ำในสระกับหลานอย่างสนุกสนานร่าเริง พร้อมยกดัมเบล ที่ “อุ๊งอิ๊ง” โพสต์ลงอินสตาแกรม นั้น ใครเห็นก็ยิ่งเข้าใจว่า อาการป่วยหนักที่บรรดาคนแวดล้อมเคยดาหน้าออกมาแถลงนั้น มันเป็นเรื่องที่อุปโลกน์ขึ้นทั้งเพ เพื่อเป็นข้ออ้างที่จะไม่ต้องอยู่ในเรือนจำช่วงที่ต้องรับโทษจำคุก

แต่เมื่อวาน “อุ๊งอิ๊ง” ออกมาให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว ระหว่างเข้าอบรม มินิ วปอ. ตีหน้าซื่อ ทำเป็นไม่เข้าใจว่า จะดรามากันทำไมกับภาพนั้น

ทักษิณ ชินวัตร เล่นน้ำกับหลาน
“อุ๊งอิ๊ง” พยายามชี้แจงว่า ดัมเบลที่พ่อแม้วเอาไปยกในสระน้ำนั้น เป็น "ดัมเบลฟองน้ำ” และอุปกรณ์พ่วง ที่แพทย์ให้ใช้ออกกำลังกายในน้ำ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อกลับคืนมา เพราะคุณพ่อผ่าตัดไหล่มา ซึ่งไม่ได้ว่ายน้ำเยอะเป็นการเน้นเดินออกกำลังกายในน้ำ

แต่บรรดาชาวเน็ตก็แย้งว่า ถึงจะเป็นดัมเบลฟองน้ำ มันก็มีน้ำหนักอยู่หลายกิโลกรัม เป็นดัมเบลที่นักแอโรบิกใช้กัน

ถ้าใช้ดัมเบลนี้ได้ ก็แสดงว่า ข้ออ้างที่ต้องพักโทษกรณีพิเศษเพราะอายุเกิน 70 ปีและช่วยตัวเองไม่ได้ ทำประเมินการช่วยเหลือตัวเองได้แค่ 9 คะแนน มันก็ไม่เป็นความจริง

เท่านั้นยังไม่พอ “อุ๊งอิ๊ง” อ้างว่า ที่โพสต์ไปไม่ได้่ตั้งใจทำร้ายใคร หรือเพื่อจะให้เป็นกระแส และยืนยันว่ายังจะโพสต์อินสตาแกรมเหมือนเดิม ไม่เช่นนั้นชีวิตของตนคงเปลี่ยนไป เวลาจะโพสต์อะไรต้องระวัง โน่น นี่ นั่น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เกร็งที่จะโพสต์ต่อไป และไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนจ้องจับผิด

“เอาจริงๆ เราก็เป็นธรรมชาติของเราแบบนี้แหละ ถ้าไม่ชอบหรือไม่ถูกใจก็ขอโทษด้วยค่ะ เราก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ” อุ๊งอิ๊ง ลูกพ่อแม้ว กล่าวย้ำ พร้อมบอกว่ากระแสวิจารณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้คุยกับพ่อในเรื่องนี้เลย และขอปล่อยผ่านไป

เมื่อ “คุณหนูอิ๊งค์” บอกว่าขอปล่อยผ่านเสียงวิจารณ์ และยังจะโพสต์อินสตาแกรมแบบเดิมต่อไป คนที่หนาวๆ ร้อนๆ ก็คงไม่พ้น บรรดาอนุกรรมการพักโทษ รวมทั้งอธิบดี รัฐมนตรี ที่เคยออกมาการันตีอาการป่วยหนักของ “ทักษิณ” เพื่อไม่ต้องนอนคุก ที่อาจจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกแทน


กำลังโหลดความคิดเห็น