ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ป่วยกี่โมง!? "อุ๊งอิ๊ง" อวดภาพ "ตาโทนี่" เล่นน้ำกับหลานโชว์ฟิต ตอกย้ำ“แม้ว” ขอกูรอด คนอื่นตายช่างมัน!!
ถ้ามีความสุขเงียบๆ กันภายในครอบครัวชินวัตรคงไม่มีใครว่า แต่เมื่อ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้พ่อ ผ่านในอินสตาแกรมส่วนตัว @ingshin21 ซึ่งเป็นภาพขณะที่ "ตาโทนี่" กำลังเล่นน้ำกับหลานๆ อย่างมีความสุข พร้อมระบุข้อความว่า “วันหยุด ณ บ้าน ตาตา สนุกสนานไม่อยากกลับกันเลยยย #babytitarnandhergrandpa
#babythasinandgrandpa #mmdpskids” ออกสื่อ.. พลันนั้นก็กลายเป็นหลักฐานประจานอาการ "ป่วยทิพย์" และ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อีกครา ด้วยคำถามแกมประชดประชันว่า "ป่วยกี่โมง"
“รังสิมันต์ โรม” สส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ฟาดด้วยคำถามประเด็นนี้ยิ่งตอกย้ำว่า กระบวนการที่ทำให้ “ทักษิณ” ได้รับพักโทษนั้น ตกลงมาตรฐานอยู่ตรงไหน !?
ที่แน่ๆ สิ่งที่ทักษิณทำตรงกันข้ามกับการได้รับสิทธิพิเศษโดยการประเมินอาการป่วยออกมาย่ำแย่ ระดับ 9 คะแนนนั้น ...ขี้หกทั้งเพ
เรียกว่า “ทักษิณ” กำลังทำให้เจ้าหน้ากรมราชทัณฑ์ หมอ หรือ รัฐมนตรียุติธรรม ต้องถูกตั้งคำถาม เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ทุจริตในขั้นตอนไหน? และองค์กรที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กำลังทำอะไรกันอยู่ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. จะมองเห็นหรือไม่ !?
ที่ฟาดตรงประเด็น ก็เห็นจะเป็น "หมอวรงค์" นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พูดถึงการที่ “อุ๊งอิ๊ง” โพสต์ภาพ นักโทษที่อยู่ในระหว่างพักโทษกรณีพิเศษ ยกดัมเบลเล่นกับหลานในสระน้ำว่า ...นี่หรือนักโทษที่ต้องพักโทษกรณีพิเศษเพราะอายุเกิน70 ปีและช่วยตัวเองไม่ได้
ไม่รู้ว่า “อุ๊งอิ๊ง” รู้หรือไม่ว่า หลักการพักโทษกรณีพิเศษ จากเงื่อนไขอายุเกิน 70 ปี และช่วยตัวเองไม่ได้ จากการประเมินคะแนนช่วยเหลือตัวเองได้ 9 คะแนน นั่นหมายถึงสภาพที่ย่ำแย่
มีปัญหาทั้งการกินอาหาร ใส่เสื้อผ้า เดินไปมา ขึ้นลงบันได ลุกจากเตียง ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ ใช้ห้องน้ำ กลั้นอุจจาระ กลั้นปัสสาวะ
เขาใช้หลักมนุษยธรรม เพื่อให้มาใช้ชีวิตบั้นปลาย สำหรับคนที่ช่วยตนเองไม่ได้ และไม่ให้เป็นภาระกับทางเรือนจำ จึงให้การพักโทษกรณีพิเศษ
สุดท้ายนี้ อนุกรรมการพักโทษ รวมทั้งอธิบดี รัฐมนตรี ต้องมารับผิดชอบแทน เพราะพวกคุณประเมินคะแนนต่ำกว่าความเป็นจริง เข้าหลัก “ขอให้กูรอด คนอื่นตายช่างมัน”
“หมอวรงค์” ยังระบุทิ้งท้ายว่า การท้าทายกฎหมาย ก็คือ การท้าทายประชาชน!!
งานนี้ “ตาโทนี่” คลายร้อนเล่นน้ำกับหลานๆ โชว์ฟิตหยิบดัมเบลลงน้ำให้ลูก “อุ๊งอิ๊ง” ถ่ายภาพโพสต์อวด มีความสุขสนุกสนานกันไป...ส่วนคนที่ช่วย “โทนี่” ให้มีภาพนี้ทั้งหลายพึงสังวรณ์เอาไว้ว่า..ความทุกข์จะมาเยือนไม่วันใดก็วันหนึ่งแน่นอน.
** “เศรษฐา” ยังไม่ส่งสัญญาณปรับครม. บอกชัดมีอำนาจจรดปากกา
ช่วงนี้การเมืองเมืองกำลังจะมาถึงจุดเปลี่ยนผ่าน ด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่าง เช่น สมาชิกวุฒิสภาชุดที่แต่งตั้งโดย “พี่น้อง 3ป.” กำลังจะหมดวาระลงในเดือนหน้า การอภิปรายรัฐบาลก็เพิ่งผ่านพ้นไป พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ผ่านสภาแล้ว กำลังรอวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น รัฐบาลก็บริหารมาเป็นเวลา 7 เดือนเต็มแล้ว
กระแสข่าวการปรับครม.จึงร้อนแรงขึ้นมาในช่วงนี้ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต่างรอสัญญาณจากนายกรัฐมนตรี รวมทั้งพรรคเพื่อไทยที่เป็นนำรัฐบาลด้วย
เพราะเจ้าของพรรคตัวจริงเริ่มออกมาเคลื่อนไหวแบบไม่มีเหนียมแล้ว ทำให้ผู้ที่อยู่ในข่ายจะได้ลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรีเริ่มเคลื่อนไหวกันคึกคัก
เปรียบเปรยกันว่าหมดเวลา “รัฐมนตรีต่างตอบแทน” หรือ “โควตาบ้านใหญ่” ที่ถือธงลงสนามเลือกตั้งแล้ว ถึงเวลาที่รัฐมนตรีมืออาชีพตัวจริงจะเข้ามาใช้งบฯ 67 แล้ว
ตรวจดูพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว พรรคที่น่าจะต้องการให้ปรับครม.มากที่สุด ก็น่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ ที่ก่อนหน้านี้ มีการเสนอชื่อ “ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร เด็กในสายของ “ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคฯ เป็น รมช.พาณิชย์ แต่ถูกสำนักเลขาธิการครม. สำนักคณะกรรมการกฤษฎีกา กกต. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ขุดประวัติเก่ามาร้องคัดค้าน เรื่องคุณสมบัติว่ามีลักษณะต้องห้ามในการเป็นรัฐมนตรี ทาง “ไผ่ ลิกค์” จึงยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งตีตกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน นั่นเท่ากับเป็นการปิดทางขึ้นเป็นรัฐมนตรีของ ไผ่ ลิกค์ ไปโดยปริยาย
ทางพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ “ผู้กองธรรมนัส” จึงอยากให้ปรับครม. จะได้เสนอชื่อบุคคลเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เพราะถือว่าได้เสียโอกาส เสียเวลารอมา 7 เดือนแล้ว
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็จะส่ง “อรรถกร ศิริลัทธยากร” สส.ฉะเชิงเทรา ลูกชาย “อิทธิ ศิริลัทธยากร” อดีตรัฐมนตรีแปดริ้วคนดัง มาใช้โควตานี้
ตรงนี้ก็น่าติดตามว่า “เด็กสายผู้กอง” กับ “เด็กสายลุงป้อม” ใครจะได้เป็นรัฐมนตรี
พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ลุ้นอยากให้มีความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน แต่มีข่าวว่า “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ และรมว.พลังงาน จะยังเหนียวแน่ในเก้าอี้ตัวเดิม
ส่วน รมว.อุตสาหกรรมที่ "พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล" ดีกรี สส.นครศรีธรรมราช 4 สมัยนั่งอยู่นั้น จะถูกคนในพรรคที่อยู่จังหวัดใกล้เคียงเขย่าหรือไม่ต้องจับตา เพราะมีข่าวกลุ่ม สส.สุราษฎร์ธานี เคลื่อนไหวกันหนัก เช่นเดียวกับ เก้าอี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ที่ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย นั่งอยู่ จะต้องเปลี่ยนเป็น “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น หรือไม่ นี่ก็ต้องลุ้น
สำหรับพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล มีโควตาว่างอยู่ 1 ที่นั่ง คือโควตาของ “ทนายถุงขนม” พิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้เตรียมให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดูแลด้านกฎหมาย แต่ถูกเบรกเรื่องคุณสมบัติเช่นกัน ล่าสุดข่าวว่าเคลียร์จบแล้ว ทางโล่ง ปรับครม.เมื่อไรได้ขึ้นชั้นเป็นเสนาบดีแน่
ส่วนตัว “นายกฯเศรษฐา”นั้น จะโยกไปควบ รมว.กลาโหม แทน “สุทิน คลังแสง” แล้วให้มืออาชีพ มาดูแลกระทรวงการคลัง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนหรือไม่ ต้องจับตาเช่นกัน
เรื่องปรับครม.นี้ ต่อให้มีกระแสข่าวร้อนแรงแค่ไหน ถ้าไปถามนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นนายกฯคนไหนก็ตาม ก็จะได้คำตอบเหมือนๆกันว่า ยังไม่ปรับ ปรับเมื่อไรก็รู้
เช่นเดียวกับ “นายกฯเศรษฐา” เมื่อเจอคำถามนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ คำตอบคือ ยังไม่ได้คุย ยังไม่ได้ส่งสัญญาณไปถึงหัวหน้าพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนโควตาของพรรคเพื่อไทย ที่เหลืออยู่ 1 ตำแหน่งนั้น เดี๋ยวค่อยไปว่ากันเมื่อถึงเวลา
โควตาของพรรคประชารัฐอีก 1 เก้าอี้ ก็ยังไม่ได้พูดคุย ในการประชุมครม.วันนี้ (9 เม.ย.) ถ้าเจอ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ก็จะไม่ถาม แต่ถ้าท่านบอกมา ก็จะรับทราบ หรือถ้าเสนอชื่อใครเข้ามา ก็จะรับไว้ แล้วส่งไปให้คณะกรรมการตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติ
ส่วนถ้าจะปรับครม.จะเป็นการปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ ก็ตอบยาก เพราะไม่รู้ว่าเล็ก คือกี่ตำแหน่ง ใหญ่คือกี่ตำแหน่ง และถ้าถึงเวลาต้เองปรับ ก็ต้องหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลก่อน การทำงานของตนเอง ตั้งแต่เป็นนักธุรกิจ จนก้าวสู่เวทีการเมือง จะให้เกียรติเพื่อนร่วมงานทุกคน ต้องมีการพูดคุยกันก่อน
แต่แน่นอนว่าตนเอง เป็นคนจรดปากกาในขั้นตอนสุดท้าย!!