“สามารถ” ฟันธง “21 เมษา” ยุบ “ก้าวไกล” เลยจากนั้นยอมโกนหัวไว้อาลัย ถาม “ชัยธวัช” ถ้าศาล รธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค แล้วใครมีอำนาจ ซัด เสพติดอำนาจ ไม่ยอมคืน หน.พรรค ให้ “พิธา” กลัวเสียตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (7 เม.ย. 67) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุว่า
“มั่นใจอีก สองอาทิตย์ ยุบพรรคก้าวไกลงานนี้ไม่มีใครช่วยได้ ถ้า 21 เมษานี้ไม่ยุบ โกนหัว”
ขณะเดียวกัน นายสามารถ ยังกล่าวถึงกรณี นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไม่มีข้อไหนให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมือง ว่า
ตนขอย้อนถามนายชัยธวัช ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค แล้วใครคือคนที่มีอำนาจยุบพรรคการเมืองที่คิดจะกัดเซาะ บ่อนทำลาย สร้างความแตกแยกให้กับประเทศ จ้องแต่จะทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ใครละที่จะเป็นคนตัดสิน ในเมื่อ กกต.มีความเห็นยื่นยุบพรรคก้าวไกลต่อศาลรัฐธรรมนูญ
“จริงๆ แล้ว การยุบพรรคก้าวไกล มันไม่ได้เป็นมหากาพย์ยาวขนาดนั้น ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า ถ้าบุคคลกระทำการใดที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้บุคคลนั้นเลิกการกระทำ แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองให้ กกต.ยื่นยุบพรรค ฉะนั้น เรื่องเป็นเพียงแค่งานเอกสาร งานธุรกรรม แต่นายชัยธวัชก็พยายามที่จะปลุกมวลชน สร้างการรับรู้ที่ไม่ถูกต้องให้กับสังคม ก็คือ การบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค เพื่อที่จะโยนความขัดแย้งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่จริงๆ แล้วศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจอย่างชัดเจน นายชัยธวัช ต่างหากที่ไม่รู้เรื่องว่า การกระทำใดที่ไม่ควรทำ และการกระทำใดที่ควรทำ” นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวต่อว่า การประชุมของพรรคก้าวไกล วานนี้ (6 เม.ย.) นายชัยธวัช ก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ แต่ก่อนหน้าเคยบอกว่า เมื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กลับมาแล้วจะคืนตำแหน่งให้กับนายพิธา เพราะนายชัยธวัชเป็นเพียงแค่คนรักษาการเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว นายชัยธวัช น่าจะเสพติดอำนาจในฐานะหัวหน้าพรรค จึงไม่อยากยกตำแหน่งหัวหน้าพรรค คืนให้กับนายพิธา ซึ่งเป็นความชอบธรรมในการเป็นหัวหน้าพรรคครั้งสุดท้ายของนายพิธา ก่อนที่จะมีการยุบพรรค แต่ก็ไม่มีการกระทำนั้นเกิดขึ้น เพราะนายชัยธวัชไม่อยากถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
นายสามารถ ยังกล่าวต่อว่า นายชัยธวัช น่าจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่ยอมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเห็นการอภิปรายพยายามจะด่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่กล้าด่าเต็มปาก ต่อยแบบมียั้งหมัด ตนเชื่อว่า ประชาชนที่ติดตามฟังอยู่รู้ว่าพรรคก้าวไกลหรี่ตากับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ อย่างที่ตนพูด พรรคก้าวไกลไม่เคยมีฤทธิ์ แต่หลังจากที่คุณทักษิณ ชินวัตร แตะเมืองไทย พรรคก้าวไกลกลับมีฤทธิ์ขึ้นมาทันที
“การยุบพรรคก้าวไกล มันควรที่จะแล้วเสร็จไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะการหาเสียงมันสิ้นสุดไปตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 66 ดังนั้น การกระทำความผิดมันสำเร็จไปแล้ว ซึ่งเดือนหน้าก็จะครบ 1 ปีแล้ว ในความจริงแล้ว บุคคลใดที่กระทำการล้มล้างการปกครองไม่สามารถเหยียบสภาได้หรอก ไม่สามารถเข้าไปมีตำแหน่งเป็น ส.ส. แต่เราก็เห็นว่ามีกระบวนการเลี้ยงพรรคก้าวไกลไว้ องค์กรอิสระ ก็ไม่ได้อิสระจริงๆ อย่าง กกต.ที่เก็บเรื่องนี้ไว้ยาวนาน ปล่อยให้เขาหาเสียง ไม่เคยยื่นยุบพรรค ตอนที่เขาเอาเป็นนโยบายหาเสียง กกต.ก็ตรวจสอบให้ผ่าน จากน้ันก็ถูกคนร้องมาอีก พอมาถึงวันที่จะส่งเอกสารจาก กกต.ก็ไม่ครบอีก จึงทำให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องเลื่อนการพิจารณา ซึ่งวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งให้พรรคก้าวไกล ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน ซึ่งถ้าเกิดว่าพรรคก้าวไกลขอขยายระยะเวลา แล้วศาลรัฐธรรมนูญรับ เรื่องนี้มีดีลว่า จะดึงเวลายุบพรรคก้าวไกลให้นานที่สุด เพื่อที่จะให้ ส.ว.หมดอายุ โดยทั้งนี้ ตนเชื่อว่า จะยุบพรรคก้าวไกล ไม่เกิน 21 เมษายนนี้ ถ้าเกินยอมโกนหัวไว้อาลัย...กับสังคมไร้มาตรฐานกระบวนยุติธรรมไร้มาตรฐาน ยกประเทศให้พวกเขาเลย (จากสยามรัฐออนไลน์)