วันนี้(7 เม.ย.)นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกรณีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ระบุถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ลำไย พ.ศ. …ที่ได้ยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎร และรอการพิจารณาว่า ที่ผ่านมาในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งตอนนั้นตนเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ทำงานกับ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เราก็ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาที่ลำไยไม่สามารถส่งออกได้ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้ผลักดันในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไย นำไปสู่การอนุมัติวงเงินเยียวยากว่า 3,400 ล้านให้กับเกษตรกรที่ปลูกลำไย
นายนเรศ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันลำไยไม่ได้ปลูกแค่ภาคเหนือตอนบน แต่กระจายไปถึง 33 จังหวัด กินพื้นที่กว่า 1.7 ล้านไร่ มูลค่าทางเศรษฐกิจในการส่งออกทั้งในรูปแบบผลไม้สดและผลิตภัณฑ์แปรรูปอีกหลายชนิด สูงถึงปีละ 45,000 ล้านบาท ซึ่งปัญหานี้เป็นนโยบายของพรรค พปชร.ก่อนหน้าเสียงเลือกตั้งปี 66 ด้วยซ้ำไป ดังนั้น เราจึงต้องผลักดัน พ.ร.บ.ลำไยให้เกิดขึ้นให้ได้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร
“สมัยที่ผมเป็นประธานขับเคลื่อนเรื่องลำไย เราได้ทำงานกับสภาเกษตรกรผู้ปลูกลำไย รวมถึงหารือกับท่านรังสรรค์ มณีรัตน์ สส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ลำไย พ.ศ. .... ซึ่งเนื้อหาสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ แทบไม่มีความแตกต่างกัน ซึ่งท่านรังสรรค์เคยเสนอร่างลักษณะเช่นนี้ต่อสภาไปแล้ว แต่เข้าข่ายเป็น พ.ร.บ.การเงิน จึงขับเคลื่อนยาก เราจึงดึงเรื่องของการเงินออกให้มันมีโครงสร้างเป็นคณะกรรมการที่จะขับเคลื่อนลำไยในภาพรวมของประเทศ“นายนเรศ กล่าว
นายนเรศ กล่าวต่อว่า การจัดทำยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการลำไย มีแผนแม่บทด้วยองค์ประกอบของคณะกรรมการมีการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารลำไยเพื่อกำหนดแผนงานตามยุทธศาสตร์การบริหารลำไยให้บรรลุเป้าหมาย โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรองประธาน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดการกระทรวงพาณิชย์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสามคน ซึ่งคัดเลือกจากบุคคลซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับลำไย เป็นกรรมการ ผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกลำไยจำนวนสามคน เป็นกรรมการ และให้เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะเป็นตัวแทนที่มีมีความรู้เรื่องลำไยอย่างแท้จริงเข้ามากำหนดแผนยุทธศาสตร์ภาพรวมของประเทศไทย
“พ.ร.บ.ลำไย จะสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับผู้ปลูกลำไยทั่วประเทศ และมีคนเข้ามาดูแลเฉพาะด้านในเรื่องของลำไยโดยเฉพาะ ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาฯไปได้ก็จะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้รับการคุ้มครอง และการช่วยเหลือจากรัฐบาลในทุกมิติ เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.อ้อย ข้าว และน้ำตาล ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ก็จะมีผลผูกพันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย”นายนเรศ กล่าว