พปชร. ตกผลึกผลรับฟังปัญหาพื้นที่ จังหวัดภาคอีสานตอนบน เตรียมเสนอพรรคฃบรรจุเป็นนโยบายเพื่อ ปชช.
พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เปิดเวทีรับฟังปัญหา กลุ่มจังหวัดสกลนคร นครพนม และมุกดาหาร วันที่ 31 มีนาคม 2567 ที่จัดขึ้น จ.สกลนคร โดยมี นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมต.กระทรวงการคลัง และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมต.กระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธี และผู้จัดงานครั้งนี้ ได้แก่ ส.ส.ชัยมงคล ไชยรบ เขต 5 สกลนคร และ ส.ส.วิริยะ ทองผา เขต 1 จังหวัดมุกดาหาร หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม ดังนี้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน สภาอุตสาหกรรม หอการค้า และสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดสกลนคร นครพนม และ มุกดาหาร หอการค้าไทยเวียดนาม เทศบาลเมืองสกลนคร NGO และพ่อค้าแม่ค้าตลาด โต้รุ่งในจังหวัดสกลนคร
นายธีระชัย กล่าวว่า ปัญหาหนองหานควรเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยจัดทำเป็นโครงการหนองหานโมเดล คล้าย EEC ที่มีกฎหมายเฉพาะให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการบริหาร
ทั้งนี้ ในการแก้ปัญหาหนองหานแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะสั้นแก้เรื่องบ่อบำบัดน้ำเสียก่อนระยะยาวต้องบูรณาการให้ 3 จังหวัดรวมถึงสวรรคเขตเป็นเนื้อเดียวกันเดินไปพร้อมกัน
ข้อเสนอแนะการปัญหาที่ดังนี้
ข้อที่ 1 ระบบการขนส่งหรือโลจิสติกส์ที่ใช้ในเรื่องการขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศและการสร้าง HUB หรือศูนย์กระจายสินค้าเพื่อที่จะขนส่งไปยังประเทศลาวและเวียดนาม
ข้อที่ 2 ขาดการพัฒนาบุคลากรในทุกภาคส่วนของ 3 จังหวัดอีสานตอนบนเพื่อที่สร้างมาตรฐานความเท่าเทียมในการพัฒนาให้มีความเจริญทั้งในเรื่องการท่องเที่ยว การขนส่งและการศึกษารวมถึงการแพทย์ที่ทันสมัย
ข้อที่ 3 การพัฒนาภาคเกษตรกรรมจังหวัดสกลนครเรื่องของการพัฒนาพื้นที่หนองหานที่ไม่สามารถที่จะทำได้เพราะติดปัญหาในเรื่องของข้อกฎหมายหลายมาตรา ความต้องการของประชาชนในจังหวัดสกลนครอยากจะให้ช่วยในเรื่องของการแก้กฎหมายและประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
ข้อที่ 4 เรื่องของการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียของจังหวัดสกลนครซึ่งงบประมาณ 409 ล้านบาท ที่เคยจะได้แต่ถูกตัดงบประมาณ จึงทำให้ การดำเนินการในการ จัดทำบ่อบำบัดน้ำเสีย
ข้อที่ 5 การพัฒนาฝีมือแรงงานและทักษะในการประกอบอาชีพเพื่อให้เกิดการค้าขายนำไปสู่การสร้างงานสร้างรายได้ โดยเฉพาะการพัฒนาการเลี่ยงโคขุนที่เป็นที่รู้จักของประชนชนทั่วไปให้ได้รับการแข่งขันไปยังตลาดต่างประเทศซึ่งปัจจุบันติดปัญหาด้านกฎหมายหารนำเข้าและส่งออกไปยังประเทศจีน
ด้าน นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงแนวทางพรรคพลังประชารัฐ ต้องการกำหนดนโยบายที่ยึดโยงกับประชาชน โดยลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนเพื่อจัดทำนโยบายรายภาค เมื่อวันที่ 3/3/2567 ได้ทำเวิร์คชอปสำหรับอีสานเหนือที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งตัวแทนภาคเอกชนได้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวนมาก ขอยกบางตัวอย่าง เช่น
1. ขอให้รัฐทุ่มลงทุนเพื่อแก้ปัญหาทั้งเรื่องน้ำแล้งและน้ำท่วม โดยสร้างทำทางน้ำไหลและแก้มลิง สร้างธนาคารใต้ดิน
2. ขอให้รัฐจัดเครื่องอัดฟางข้าวแจกเพื่อให้ชุมชนใช้ในการเพิ่มมูลค่า เพื่อจะลดการเผาฟางข้าว
3. ขอให้รัฐจัดให้นักท่องเที่ยวทั้งคนจีนและคนลาวที่ผ่านแดนมาจาก สปป.ลาว สามารถขอคืนภาษีที่ช้อปปิ้งในประเทศไทยได้ที่จังหวัดหนองคาย
4. ขอให้รัฐเร่งลงทุนสร้างระบบการขนส่งทางราง ทั้งในการเชื่อมโยงกับ สปป.ลาว และกับจังหวัดภายในอีสานเหนือ
5. ขอให้รัฐเร่งพัฒนาจุดพักจอดสำหรับรถบรรทุกขนส่งสินค้าบริเวณหนองสองห้อง
6. ขอให้รัฐสร้างถนนตัดใหม่จากอุดรไปบึงกาฬ ซึ่งจะช่วยย่นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร และจะมีประโยชน์ในการขนส่งสินค้าจาก สปป.ลาว
7. ขอให้รัฐช่วยแก้ปัญหาลูกหนี้ที่มีประวัติที่เครดิตบูโรเคยค้างหนี้ ถึงแม้กลับเป็นลูกหนี้ปกติแล้ว ธนาคารไม่ยอมให้กู้ใหม่จนกว่าจะพ้นระยะเวลาสามปี
8. ที่ จ.เลย ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รัฐควรพิจารณาการพัฒนาภูกระดึง โดยสร้างกระเช้า
ซึ่งทีมเศรษฐกิจจะนำข้อมูลอันเป็นประโยชน์เหล่านี้ไปประกอบการจัดทำนโยบายรายภาคต่อไป