“เศรษฐา-อุ๊งอิ๊งค์” นำทัพประชุมใหญ่ พท. เปิดคลิป “ทักษิณ” ปลุกใจ ยันไร้ดีเอ็นเอ “อนุรักษ์นิยมใหม่“ แต่เป็นพรรคที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศ ลั่น สส.ต้องเข้าถึงประชาชน อวย “เศรษฐา” เหมาะกับสถานการณ์ มั่นใจ “อุ๊งอิ๊งค์” เป็นผู้นำที่ดีได้ แถมทำดีกว่าตัวเอง ขณะที่ “หน.เพื่อไทย” ลั่นปฏิรูปประเทศด้วยความจงรักภักดี
วันนี้ (5 เม.ย.67) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย และบรรดารัฐมนตรีสัดส่วนพรรคเพื่อไทยรวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมถึง สส.พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงต้นของการประชุมได้มีการเปิดวีดีทัศน์ความยาวประมาณ 18 นาที เนื้อหาเป็นการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธาร, นายเศรษฐา รวมถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษเด็ดขาดในคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างการพักโทษ ให้แก่สมาชิกพรรคได้รับฟัง โดยช่วงหนึ่ง นายทักษิณ ระบุว่า ”พรรคเพื่อไทยถูกกล่าวหาว่า เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ เรื่องนี้ผมบอกได้เลยว่าไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทย หรือไทยรักไทย แต่พรรคเพื่อไทยจริงๆสร้างมาจากไทยรักไทย เป็นพรรคที่รีฟอร์มหรือเป็นพรรคผู้นำในการเปลี่ยนแปลง“
นายทักษิณ กล่างด้วยว่า ถ้าจำได้ พรรคไทยรักไทย เริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระบบประกันสุขภาพ การเอาเงินจากเมืองหลวงกลับไปสู่ชนบท กระจายเงินออกไป และเรื่องการดูแลสินค้าเกษตร ทุกเรื่องเป็นเรื่องใหม่หมดที่ไทยรักไทยทำ และพรรคเพื่อไทยก็ทำมาต่อเนื่อง วันนี้ต้องเข้าใจว่า สังคมเปลี่ยนไปแล้ว การเข้าถึงประชาชนเป็นหัวใจสำคัญทั้งทางกายภาย หรือทางสื่อ และต้องสะท้อนปัญหาของประชาชนในสภาฯได้ ถึงแม้จะไม่เป็นผู้บริหาร แต่อยากให้ สส.ของพรรคเพื่อไทยเข้าถึงประชาชน การทำงานในสภาฯ ให้เข้มแข็ง และหัวใจคือต้องเป็นนักการเมืองที่รักประชาชน ประชาชนเดี๋ยวนี้มองตาเราก็รู้ว่ามีเมตตาธรรม หรือเราเป็นคนถือตัวไม่สนใจ สิ่งเหล่านี้จะอยู่กับความรู้สึกของชาวบ้านจะมาเสแสร้งไม่กี่วัน 1 เดือนตอนเลือกตั้ง เขาก็รู้หมดแล้ว ฉะนั้นเราต้องอยู่กับชาวบ้านให้ได้
“ในวันนี้พรรคเพื่อไทยก็กำลังจะทำดิจิทัลวอลเล็ต โคตรใหม่ ไม่ใช่ใหม่ธรรมดา ฉะนั้น วันนี้เราไม่ได้อยู่กับเรื่องโบราณแน่นอน เพราะโลกเปลี่ยนไป เพื่อไทยก็ต้องปรับตัวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ระบบทุนนิยมที่ไร้ความเมตตาธรรมจะไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความสุขได้” นายทักษิณ ระบุ
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจว่านายเศรษฐา สามารถนำพาประเทศได้ เพราะท่านเป็นนักบริหาร มีประสบการณ์มาก การมีเครือข่ายที่ส่งเสริมช่วยเหลือ สนับสนุนกันเป็นสิ่งที่จำเป็น สำหรับตนเป็นคนบ้านนอก ตอนเป็นนายกฯก็ไม่มีเครือข่ายใน กทม. มีทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง เป็นการวางตัวที่เหมาะของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา เหมาะที่จะลงไปในช่วงที่เปลี่ยนผ่านระหว่างการเมืองที่มีหลายพรรค
“สำหรับ อุ๊งอิ๊งค์ (น.ส.แพทองธาร) ผมมั่นใจว่าจะสามารถนำทีมพลิกเกมได้ไม่ยาก เป็นดีเอ็นเอระหว่างคุณหญิงพจมาน (ดามาพงศ์) กับผม ผสมกันเป็น อุ๊งกิ๊งค์ คือ เอาส่วนเข้มแข็ง อดทน เด็ดขาดมาจากคุณหญิงพจมาน และเอาส่วนที่พบปะผู้คน เข้าใจการเมืองมาจากผม และเชื่อว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีได้ ไม่ใช่มาเชียร์ลูกแต่ในเมื่อผมทำได้ ดีเอ็นเอผมก็ต้องทำได้ และทำได้ดีกว่าด้วย” นายทักษิณ กล่าว
ด้าน นายวิสุทธ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวปาถกฐาพิเศษว่า สภาที่เข้มแข็งคือรัฐบาลที่เข้มแข็ง โดยมีผลประโยชน์สูงสุดคือประชาชน ย้อนไปในรัฐบาลไทยรักไทย ในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอีกมากมาย ทำให้พรรคไทยรักไทยไปนั่งในหัวใจประชาชน เพราะเรามีฝ่ายนิติบัญญัติที่เข้มแข็ง มี สส.เกินครึ่ง ทำให้ไปกู้ระบบราชการได้หลายกระทรวง แก้กฎหมายที่เป็นปัญหา ทำให้การเลือกตั้งครั้งต่อมาสร้างประวัติศาสต์ได้ สส. 370 เสียง ตอนนี้แม้มีเสียงเกินกึ่ง แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว การทำงานกับหลายพรรคการเมืองลำบากมากขึ้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องสร้างเอกภาพร่วมกัน และประสานงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน
“(การประสานงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน) ที่หลายครั้งรับปาก แต่ไม่ทำตาม อันนี้เราปวดหัวมาก“ นายวิสุทธิ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีนโยบายจัดตั้งส่วนประสานทางการเมืองกับสภาฯขึ้นมา เพื่อสร้างความเข้าใจให้ประชาชนในสังคมสื่อออนไลน์ ป้องกันการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด และหน้าที่สำคัญอีกอย่างของ สส.คือการลงพื้นที่รับฟังปัญหากับประชาชน วันนี้คนรอนโยบายสำคัญของเพื่อไทย การสื่อสารออนไลน์ทุกแพลทฟอร์มเป็นเรื่องจำเป็น เมื่อผลงานของรัฐบาลออกมาความชัดเจนจะอยู่ในหัวใจประชาชน และเชื่อว่าวันนั้นพรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง รัฐบาลจะแข็งแค่ไหนต้องร่วมมือกับสภาฯเพื่อออกกฎหมายให้รัฐบาลผลักดันนโยบายต่อไป
จากนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวปาฐกฐาพิเศษ ว่าต้องขอขอบคุณทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำพรรคในอดีต ผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน พี่น้อง สส. และผู้ยังเชื่อมั่นในพรรคทุกกำลังใจ ทุกการทำงาน ทุกความทุ่มเทของทุกคนทำให้พรรคยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ เรากำลังเปลี่ยนแปลงจากข้างในด้วยการเติมคนใหม่เข้ามาทำงานกับเรา เติมองค์ความรู้ใหม่ให้เราพร้อมทำงานมากขึ้น คิดว่าอีกไม่นานประชาชนจะได้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยกำลังทำอะไร และกำลังจะเปลี่ยนไปทิศทางไหน เราตั้งใจเปลี่ยนแปลงพรรคครั้งใหญ่ตั้งแต่รากฐานเพื่อให้พรรคเพื่อไทย อยู่คู่กับประเทศไทยไปตลอด ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเปลี่ยนไปอีกกี่คน บริบทในอนาคตจะเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ให้กับประเทศไทยได้เสมอ เหมือนจุดเริ่มต้นตั้งแต่พรรคไทยรักไทย
“บางคนบอกว่าพรรคเราจะเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ที่เน้นคงสิ่งเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ขอยืนยันว่า ไม่มีวันเป็นแบบนั้น เพราะดีเอ็นเอของเราคือการเปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่เราเป็นรัฐบาล เราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทย” น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ในสมัยไทยรักไทย เราสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาท รักษาทุกโรค ทำให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงมาจนถึงทุกวันนี้ และเรากระจายอำนาจทุน อำนาจการตัดสินใจสู่ 70,000 หมู่บ้าน ผ่านกองทุนหมู่บ้าน สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทุกอำเภอของประเทศไทยจะมีการอัดฉีดเงินลงไป เมื่อมีเงินมากกว่าห้าแสนล้านบาทเข้าสู่ระบบ เศรษฐกิจทั้งประเทศจะถูกกระตุ้น หลังจากวันนี้วันที่งบประมาณผ่านแล้ว ดิฉันเชื่อมั่นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา จากที่วิ่งเร็วอยู่แล้ว จะเร็วขึ้นอีก หลายนโยบายที่เคยติดขัดเพราะงบประมาณ จากนี้จะผ่านฉลุย หลายนโยบายจะสำเร็จได้เห็นผลเร็วๆ นี้แน่นอน และพบกับการสรุปผลงานของรัฐบาลเพื่อไทยที่ไม่ต้องรอ 10 เดือนในวันที่ 3 พ.ค.นี้
“พรรคไทยรักไทยได้ส่งต่อการเปลี่ยนแปลงจนมาถึงพรรคเพื่อไทย เราคือพรรคปฏิรูปที่ทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าด้วยนโยบาย โดยมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ
จากนั้นนายเศรษฐากล่าวปาถกฐาพิเศษว่า วันนี้ตนขอพูดในฐานะนายกฯมาให้ความกระจ่างเรื่องนโยบาย และพูดจากใจในฐานะสมาชิกพรรค เรื่องแรกที่ผ่านมา เราทำการต่างประเทศเชิงรุก และการส่งเสริมการลงทุน ก็ต้องบินไปต่างประเทศบ้าง แต่ตนไม่ได้ชอบบินไป จะเป็นแมลงวันหรืออะไรก็ตามทีฟังแล้วตลก ถือเป็นสีสันในชีวิต สอบถามคนที่ไปกับตนได้เพราะไม่ได้สบายเลย และการจะลงทุนเป็นแสนล้านเขาจะตัดสินใจใน 7 เดือนหรือขอให้อดทน อีก 2 ปีข้างหน้าจะเป็นสึนามิแห่งการลงทุนในทุกภาคส่วน อย่างเรื่องแลนด์บริดจ์หลายคนอาจมองว่าเราเป็นคู่แข่งสิงคโปร์ แต่เมื่อโครงการนี้เสร็จไม่ว่าจะ 10 หรือ 15 ปี ข้างหน้า ช่องแคบมะละกาอาจไม่เพียงพอ และไม่ใช่แค่ด้านการลงทุน ซึ่งจุดยืนของไทยเป็นกลางในเวทีโลกไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด
“เมื่อโครงการแลนด์บริดจ์แล้วเสร็จจะไม่มีใครมาคอนโทรลการขนถ่ายสินค้าจากอันดามันไปอ่าวไทยได้นอกจากประเทศไทย ทุกประเทศจะต้องการการขนถ่านสินค้าจากแลนด์บริดจ์ ทำให้เราเป็นมหาอำนาจเล็กๆ ทางเศรษฐกิจที่ทุกคนต้องพึ่งพา” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยและในฐานะน้องใหม่ที่เข้ามาที่นี่ 13 เดือน เป็นเวลาอันสั้นที่ต้องเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ตอนอายุ 60 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย และ 2 วันที่ผ่านมา (การอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ) เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะไปยืนบนเวทีถูกต่อว่าซึ่งหลายเรื่องไม่จริง แต่ต้องกัดฟันและรับรู้ ไม่คิดว่าจะมาตรงนี้แต่เมื่อมาแล้วก็ต้องทำต่อไป ตนได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น การเลือกตั้งที่ผ่านมาเราแพ้เลือกตั้งฟังแล้วบีบหัวใจ แต่มันคือความจริง 141 เสียง จาก 500 เสียง ตนในฐานะสมาชิกพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็มีความเจ็บปวด ต้องยอมรับ ไม่ว่าความอ่อนหัดด้านการเมือง เข้าถึงประชาชนไม่เต็มที่ ไม่ได้ไปดีเบต ไม่เถียงอะไรทั้งสิ้น พร้อมน้อมรับทุกข้อกล่าวหา
“ผมเป็นคนไม่แพ้ตลอดกาล ท่านทักษิณ บอกว่า ผมเป็นนายกฯช่วงการเปลี่ยนผ่าน ผมไม่ใช่คนอายุน้อย ถ้าได้เห็นประวัติทุกท่านทราบชีวิตผมครบทุกอย่าง แต่ที่ก้าวเข้ามาตรงนี้ เรื่องเดียวที่ปรารถนาในชีวิตต้องนำการเปลี่ยนผ่านที่เป็นบวก และนำชัยชนะกลับมาให้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวด้ยยว่า ตนบอกเพื่อน ครอบครัว อย่างเดียวในชีวิตที่ตนต้องการคือชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่มีอะไรจะทำให้ตนทำไม่ได้จะทุ่มเทกายและใจใน 3 ปีครึ่งข้างหน้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา อดีตที่ผ่านมามีทั้งความขมขื่น ไม่ว่าจะถูกยุบพรรค 2 หน วาทกรรมที่ถูกต่อว่า แม้เป็นคนหน้าใหม่แต่จิตวิณญาตของตนก็เหมือนพวกท่าน อยากบอกว่าเรามองอนาคตที่สดใสดีกว่าที่เรามาร่วมในวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ เรามี 141 เสียงจาก 500 เสียง วันนี้เรามีรองประธานสภาฯ มีนายกฯ มีรองนายกฯ 3 คน ดูแลความมั่นคง มีกระทรวงคมนาคม เราควรโฟกัสเรื่องการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนมากกว่าเรื่องอื่น
นายเศรษฐา กล่าวว่า ฝรั่งมีสำนวนว่า สนามหญ้าอีกข้างของรั้วจะเขียวกว่าสนามหญ้าตัวเอง แต่เราจะเห็นสนามหญ้าบ้านเราตรงไหนมีหลุม มีมูลสุนัขจะได้ไม่เหยียบ วันนี้สนามหญ้าบ้านเราอาจไม่เขียวแต่เรามีมีปุ๋ย มีน้ำ มีรถตัดหญ้าที่ดีกว่า มาช่วยกันทุกคนเพื่อให้สนามหญ้าบ้านเราเขียวขจีได้หรือไม่ นี่คือบ้านเรา เราต่อสู้กับอดีตที่ขมขึ่น แต่มีอนาคตที่มีแสงสว่าง มี 141 เสียงในวันนี้แต่เราจะมีเยอะขึ้นอีก เราทุกคนอยากให้พรรคเจริญก้าวหน้า มีหัวหน้าพรรคมุ่งมั่น มีคนรุ่นใหม่ มีผู้อาวุโสที่คอยประคอง มีอดีตนายกฯที่ป็อปปูล่ามากสุดในวงการการเมืองไทยกลับมาแล้ว และท่านมีนายกฯที่มีจุดประสงค์เดียวในชีวิตคือชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ เพียงพอหรือไม่ให้พรรคเราเดินไปข้างหน้าได้ ขอให้มั่นใจนายกฯคนนี้ ตลอดเวลา3 ปีครึ่งไม่ว่าต่างจังหวัดหรือที่ไหน เราจะทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน.