ข่าวปนคน คนปนข่าว
**พี่น้อง “น้าแอ๊ด” คาราบาวไปต่อ ขอไม่ดรามา เหตุผลคืนคำ เพราะ กูจะรบกับมึง!
ผ่าง!...จุดกระแสความสนใจของคอเพลงเพื่อชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง หลังจาก “คาราบาว” วงดนตรีเพื่อชีวิตระดับตำนาน ที่ “น้าแอ๊ด” ยืนยง โอภากุล เคยประกาศว่าจะยุบวง เมื่อคอนเสิร์ต “ล้อมวงลา คาราบาว” สิ้นสุดลงในค่ำคืนวันที่ 3 เมษาฯ หรือตั้งแต่วันที่ 4 เมษาฯ เป็นต้นไป ก็จะไม่มีรวมวงคาราบาวอีกต่อไป
แต่แล้ว “น้าแอ๊ด” ก็คืนคำ ด้วยการประกาศบนเวทีว่า ...คาราบาว จะไปต่อ!!
ตอนที่จะยุบวง “น้าแอ๊ด” บอกเหตุผลไว้ว่า คาราบาว เดินทางบนเส้นทางสายดนตรีมายาวนานแล้ว จากปี 2524 ถึงปีนี้ 2567 ก็ปาเข้าไป 43 ปี สมาชิกในวงก็สูงวัย พูดง่ายๆ ว่า เหนื่อย และแก่แล้ว ขอพอแค่นี้ เข้าทำนอง “งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา” ซึ่งแฟนๆ ก็เข้าใจและทำใจไว้ล่วงหน้า
แต่เหตุไฉน งานเลี้ยงไม่เลิกลา? “น้าแอ๊ด” กลับคำคาราบาวจะไม่ยุบ แค่พักวงเดือนเมษาฯเดือนเดียว แล้วคาราบาว จะกลับมา ขอไปต่อ ด้วยเหตุผลเพราะแรงแค้น! และการกลับมาใหม่ก็จะ “สู้กับมึง”
ไม่รอให้สงสัยนาน เจ้าตัวได้บอกแฟนๆ ที่เข้ามาร่วมคอนเสิร์ตอำลา ว่า จริงๆแล้วตั้งใจหยุดวงจริงๆ แต่ปรากฏว่า มีเรื่องที่ทำให้แค้น เพราะทนไม่ได้กับธุรกิจของประเทศไทย ที่มี “เจ้าสัว”ไม่กี่คนผูกขาด และทำกันมานานแล้ว
พร้อมกับขยายความว่า ด้วยอำนาจการผูกชาดของเจ้าสัวทำให้ “น้าแอ๊ด” ขายเบียร์คาราบาวไม่ได้ ทุกวันนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก ที่จะเล่น ไปเล่นที่ไหนก็บอกว่า ขอเอาเบียร์คาราบาวไปขายได้ไหม ปรากฏว่า มีเบียร์ยี่ห้อหนึ่งไม่ยอม บอกว่า ถ้าเอาเบียร์คาราบาวไปขาย จะถอนออกไป
นี่เป็นเหตุผลที่ “น้าแอ๊ด” ฮึดสู้ และขออย่าดรามากัน จริงๆ ตั้งใจเลิกจริงๆ แต่ต้องช่วย “พี่เถียร” ไม่งั้นเราแย่แน่ ลงทุนตั้งโรงงานผลิตเบียร์ไป 8 พันกว่าล้าน ก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ รวมทั้งเงินของน้าแอ๊ดเองด้วย จะไม่ยอมให้ “เจ้าสัว” ไม่กี่คนที่ผูกขาด อยากให้รู้ว่า พวกยาจกแบบนี้ จะรบกับมึง!
ถึงตรงนี้ถ้าจะถามว่า “เจ้าสัว” คนไหน เบียร์ยี่ห้ออะไร ที่ทำให้น้าแอ๊ดแค้นและประกาศให้คาราบาวแก่ๆ ลุยต่อไป ก็ต้องบอกว่า เป็นเจ้าสัวเจ้าพ่อน้ำเมาคนเดียวที่ใครๆก็รู้จัก ที่ให้สปอนเซอร์วงคาราบาวมาแต่ไหนแต่ไร ก่อนที่ “น้าแอ๊ด” จะลงทุนทำเบียร์คาราบาวนั่นแหละ
ส่วนยี่ห้ออะไรก็เดากันไม่ยาก “น้าแอ๊ด”เองเคยร้องเพลง “คนไทยรึเปล่า” โฆษณาให้ ...เชียร์จนเพลงฮิตติดหู ของก็ขายดิบขายดี
งานนี้มาถึงจุดของการแข่งขันธุรกิจล้วนๆ มาเอี่ยวกับมนต์เพลงคาราบาว เพราะสงครามน้ำเมา จึงทำให้ต้องขอไปต่อ...พี่น้อง!
** มวยรุ่นเก๋า!! ชวน สะบัดมีดโกนกรีด ทักษิณ เลือดสาด บอกหายป่วยเป็นเรื่องดี จะได้กลับมารับกรรมที่ทำไม่ดีไว้ “เศรษฐา” มวยแทน ตวัดกลับ มัวแต่จมอยู่กับอดีต ระวังสูญพันธุ์
จัดว่าเป็นคู่รักคู่แค้นในทางการเมืองกันมานาน เปรียบเป็นมวยก็เรียกได้ว่า “มวยถูกคู่” ในศึกอภิปรายครั้งนี้
เพียงแต่ฝ่ายหนึ่งนั้นไม่สามารถเข้ามาตอบโต้ในสภาได้ อีกฝ่ายเลยใช้โอกาสนี้ “อภิปรายให้เด็กมันดู”
นั่นคือคู่ “ชวน หลีกภัย” อดีตนายกฯ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กับคนที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณของรัฐบาล อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ซึ่งตอนนี้เป็นนักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษ
แม้จะมี “องครักษ์” พยายามจะออกมาพิทักษ์ “อดีตนายกฯ” โดยขอให้อภิปรายอยู่ในกรอบ แต่ “ชวน” ซึ่งเป็นถึงอดีตประธานสภาฯ ก็ตอบกลับไปว่า “ไม่มีใครอยู่ในกรอบเท่าผม”
... ย้อนไปก่อนหน้านี้ คือเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 67 “ชวน” เพิ่งชนะคดีที่ “ทักษิณ” ฟ้องหมิ่นประมาท จากการที่ “ชวน” ไปบรรยายในงานเปิดงานโรงเรียนการเมือง ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมรามาดาพลาซ่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.55 โดยตอนหนึ่ง ได้พูดถึงเรื่องการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงที่ “ทักษิณ” เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมองว่าผู้ก่อความไม่สงบเป็นแค่ “โจรกระจอก” จึงยกเลิก ศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แล้วหันมาใช้นโยบาย “ฆ่าหมดก็จบ” จึงเป็นที่มาของการนองเลือดจนถึงปัจจุบันนี้
คดีนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษา ยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า เป็นการวิพากวิจารณ์ในฐานะที่จำเลยเป็นนักการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี และมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ในเหตุการณ์ที่ได้ประสบมา
การอภิปรายในสภาครั้งนี้ จึงเหมือนเป็นการซ้ำดาบสอง ตอกย้ำแผลเก่า เรื่องการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกครั้ง
... ถ้าอยากจะรู้ว่าเหตุเป็นอย่างไร หรือรุนแรงอย่างไร ต้องดูข่าวพระราชสำนัก เพราะเราเห็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นตัวแทนพระองค์ไปมอบสิ่งของ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงไม่ทรงทอดทิ้ง บรรดาพี่น้องประชาชน ทั้งชาวพุทธ ชาวมุสลิม และข้าราชการทุกระดับ ที่ต้องเสี่ยงต่อชีวิต และต้องสูญเสียอยู่ตลอด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่เกิดจากเมื่อปี 2544 ที่รัฐบาลสมัยนั้นปกครองอยู่ มีนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ด้วยวิธีการจัดการเพียง 1-2 เดือนก็หมด พูดง่ายๆ คือ “ฆ่าทิ้งซะ” ด้วยความเชื่อว่ามีหัวโจกไม่เกิน 17 - 18 คน แต่มาถึงปัจจุบันนี้ เหตุการณ์ไม่ได้จบ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการก่อเหตุในพื้นที่เกือบ 50 ครั้ง นายกฯให้สัมภาษณ์ในวันต่อมาว่า รับทราบ แต่เหตุการณ์ดีขึ้น และได้โทรศัพท์ไปหา “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จึงอยากถามนายกฯว่า เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องภายในประเทศ หรือเรื่องระหว่างประเทศ และขอถามว่า นายกฯมาเลเซีย แนะนำ หรือเสนออย่างไรบ้าง!!
“ชวน หลีกภัย” ยังกล่าวว่า ภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ โดย“ทักษิณ” เพราะได้ประกาศออกมาตรงๆเลยว่าจะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเราก่อน จังหวัดที่ไม่เลือก เอาไว้ทีหลัง
“ผมไม่ใช่คนที่พูดพล่อยๆ หรือบ้าน้ำลายรายวัน พูดอะไรต้องเป็นเรื่องจริง และรับผิดชอบ”
ส่วนนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้ว่า จะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นที่ยอมรับกับนานาประเทศ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกรณี “นักโทษ” การที่คนป่วยหายป่วย เป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครก็ตาม เขาจะได้มีชีวิต เป็นขวัญใจให้กับลูกหลานต่อไป จะได้มีโอกาสมาชื่นชมผลงาน และรับกรรมที่ทำไม่ดีเอาไว้!!
“ชวน”ใช้จังหวะนี้ ตวัดมีดโกน ไปที่ “นักโทษเทวดา” ทันที
สำหรับเรื่อง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี 2560 ไม่ว่าจะออกในสมัยใด โดยใคร ไม่มีปัญหา แต่ปัญหามันมีเพียงว่า แต่ละข้อ ผู้รักษากฎหมายได้มีการปฏิบัติตามนั้น หรือไม่
“คำถามคือ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น รัฐบาลจะดำเนินการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับคนป่วย แต่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ รัฐบาลที่เป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่รัฐ จะดำเนินการอย่างไร ผมคิดว่าเราจะให้ประชาธิปไตยไปได้ดี ไม่ว่าฝ่ายใด ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง ถ้าเราเลือกปฏิบัติ ความสุขของประชาชนก็ไม่เกิดขึ้น ที่ผมพูดเรื่องนี้ เพราะมีสิ่งที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต้องยอมรับคือ ถ้าเราต้องการให้ประชาชนของเรามีความสุข เราต้องทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น ถ้าเราไม่รักษาความยุติธรรม ความสุขของประชาชนไม่เกิดขึ้น คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวของในหลวงที่เคยรับสั่งไว้" นายชวน กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจบการอภิปราย
จากนั้น “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ลุกขึ้นขอชี้แจงทันที แถมตวัดกลับด้วยอีโต้ว่า หากยังมัวแต่จมอยู่กับอดีต ระวังจะสูญพันธุ์
“ผมว่ามุกด้อยค่าพรรคที่คนละพรรคกับท่าน เป็นมุกเดิมๆ ลองใช้มุกใหม่ดูบ้าง ทุกวันนี้ สส.พรรคเองก็ไหลไปอยู่พรรคอื่น คะแนนเสียงพรรค ก็น้อยลงไปทุกวัน ลองอะไรใหม่ๆ บ้างดีกว่า ไม่อย่างนั้น เดี๋ยววันหลัง ก็จะไม่เหลืออะไรพื้นที่ในสภาเลย น่าเสียดายเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์มาโดยตลอด ก็เป็นห่วง ขอให้มันท้าทายหน่อยไม่ใช่เอามุกเดิมๆ มาพูดกัน”
“เศรษฐา” ว่า ฝ่ายค้านมองการแก้ไขภาคใต้ต้องกลับไปแก้ไขอดีต ซึ่งเราก็เข้าใจอดีต แต่เรามองไปในอนาคต วิธีมองก็ต่างกัน แต่เข้าใจว่ามาจากความหวังดี แต่วันนี้เป็นรัฐบาล ก็ขอลองวิธีการใหม่ๆบ้าง ขอให้เปิดใจให้กว้าง แนวทางการพัฒนา คือทำให้ทุกคนเจริญไปด้วยกันกับโอกาส ส่วนเรื่องคนที่ผิดก็ต้องเดินหน้าตามกระบวนการ ไม่ได้หยุด มั่นใจว่าภายใน 4 ปีนี้ ประเทศเราจะเจริญมากกว่าที่รัฐบาลอื่นๆ เคยทำมา