ศาลปกครองสูงสุด กลับคำพิพากษาเป็นให้ยกฟ้องคดี “ชัยเลิศ” อดีตอธิการบดี มสธ.ฟ้องสภามหาวิทยาลัย สั่งปลด ชี้หลักฐานชัด คำแก้ข้อกล่าวหาฟังไม่ขึ้น คำสั่งปลดชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้ (4 เม.ย.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เป็นให้ยกฟ้องในคดีที่ นายชัยเลิศ พิชิตพรชัย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ฟ้อง สภามหาวิทยาลัย มสธ. และ นายกสภามหาวิทยาลัย มสธ.ว่ามีคำสั่งถอดถอนตนเองออกจากตำแหน่งอธิการบดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ตามที่ สภามหาวิทยาลัย มสธ. และ นายกสภามหาวิทยาลัย มสธ. ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ที่ก่อนหน้านี้ มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งสภามหาวิทยาลัย มสธ. ที่ให้ถอดถอนนายชัยเลิศออกจากตำแหน่งอธิการบดี นับตั้งแต่วันที่ออกคำสั่ง โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้สภามหาวิทยาลัย มสธ.พิจารณาคืนสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้ให้แก่นายชัยเลิศตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กฎหมายหรือระเบียบในเรื่องดังกล่าวกำหนด
ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า จากการพิจารณาจากสรุปข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ความเห็นของคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง และคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของนายชัยเลิศ ตามคำสั่งของสภามหาวิทยาลัย มสธ. และนายกสภามหาวิทยาลัย มสธ. รวมถึงข้อชี้แจงของ นายชัยเลิศ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเห็นว่า คำชี้แจงของนายชัยเลิศไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างข้อกล่าวหาของคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง และคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงฯ ไม่ว่ากรณีใช้เวลาในตำแหน่งหน้าที่อธิการบดี มสธ.สอนหนังสือและควบคุมการสอนนักศึกษาของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ในปีการศึกษา 2557 และ 2558 และกรณีการเข้าศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ปีการศึกษา 2558 โดยไม่รับความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัย มสธ. เป็นข้อเท็จจริงที่เห็นได้ว่า พฤติการณ์การกระทำของชัยเลิศไม่เป็นไปตามข้อกฎหมายและเงื่อนไขการยืมตัวในการปฏิบัติหน้าที่ ราชการ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล มาดำรงตำแหน่งอธิการบดี มสธ. ปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา เป็นเวลา 4ปี ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. 2556 จนถึงวันที่ 30 ม.ค. 2560 ถือเป็นความบกพร่องในการบริหารงาน ตาม พ.ร.บ.มสธ. ไม่เป็นการอุทิศเวลาให้กับงานในหน้าที่อธิการบดีได้เต็มที่ตามข้อบังคับ และ ไม่สามารถบริหารงานตามพันธะสัญญาที่นายชัยเลิศได้เสนอต่อสภามหาวิทยาลัย มสธ. ดังนั้น การที่สภามหาวิทยาลัย มสธ. มีมติให้ถอดถอนนายชัยเลิศออกจากตำแหน่งอธิการบดี มสธ. จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่มีข้อเท็จจริงและเหตุผลรองรับอย่างเพียงพอ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย
การที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งสภามหาวิทยาลัย มสธ. ที่ 9/2559 ลงวันที่ 9 มิ.ย. 2559 ที่ให้ถอดถอนนายชัยเลิศออกจากตำแหน่งอธิการบดี นับตั้งแต่วันที่ออกคำสั่ง โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้สภามหาวิทยาลัย มสธ.พิจารณาคืนสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้ให้แก่นายชัยเลิศตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กฎหมายหรือระเบียบในเรื่องดังกล่าวกำหนด นั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วยพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองกลางเป็นให้ยกฟ้อง