ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เศรษฐาเอาคืนจุรินทร์ ศึกอภิปรายรอบนี้ แมลงหวี่ แมลงวัน ว่อนสภา
“ศึกซักฟอก” อภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ (3เม.ย.) เปิดหัวโดย “ชัยธวัช ตุลาธน” สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และผู้ยื่นญัตติขอเปิดการอภิปราย
ในช่วงที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” อ่านร่างแถลงเปิดการอภิปรายคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของ “เศรษฐา ทวีสิน”นายกรัฐมนตรี แม้จะเลือกใช้ถ้อยคำที่ค่อนข้างแรง กับการบริหารงานในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา เช่น ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ ผิดพลาด หาผลงานไม่ได้ สิ้นหวัง ล้มเหลว ไม่โปร่งใส ไม่ปฏิรูป ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม ถอยหลัง ปิดบัง เหยียบย่ำ ทำลายหลักนิติธรรม
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ “เศรษฐา ทวีสิน” ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตอบโต้ด้วยอารมณ์ หรือเสียดสีด้วยถ้อยคำคืนกลับไป แค่ยืนยันหนักแน่นว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น รัฐบาลทำงานด้วยความ “โปร่งใส ซื่อสัตย์”
กระทั่งมาถึงการอภิปรายของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” สส.บัญชีรายชื่อ ผู้นำทัพประชาธิปัตย์ ในการอภิปรายครั้งนี้ จัดเต็มทั้งข้อมูลตัวเลข ลีลาโวหาร เสียดเย้ย “เศรษฐา” ที่เป็นผู้นำฝ่ายบริหาร
“จุรินทร์” เกริ่นนำว่า ช่วงก่อนอภิปราย ฝ่ายรัฐบาลก็พยายามให้ข่าวในเชิงว่า จะอภิปรายไปทำไม รัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบสักบาท เพราะพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ยังไม่ผ่านสภา ทั้งที่ในข้อเท็จจริงแล้ว รัฐบาลก็สามารถใช้งบประมาณปี 67 ไปพลางก่อนได้ และช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้ไปแล้วเกือบครึ่ง คือประมาณ 44% ของวงเงินงบประมาณปี 67ทั้งหมด
ที่สำคัญคือ ใช้เงินไปแล้วแต่ก็ยังสอบตก เพราะมัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร เอาแต่สร้างภาพ วันๆ มีแต่อีเวนต์ เช้า สาย บ่าย เย็น ยันดึก ช่วงเวลาแค่ 6 เดือน นายกฯบินไปมา 14 ประเทศกับ 1 เขตเศรษฐกิจ คือ ฮ่องกง... เป็นนายกฯ 180 วัน ไปอยู่เมืองนอกซะ 52 วัน มีคนถามว่าบินไป “ทำการตลาด” หรือ “ทำการตลก” เพราะอยู่เมืองไทยก่อนขึ้นเครื่อง ประกาศลั่นโลกว่า เศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤต แต่พอลงเครื่องถึงเมืองนอกไปเที่ยวเชิญเขามาลงทุน แล้วใครจะมาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจกำลังวิกฤต
“สิ่งที่อยากบอกนายกฯก็คือ คนไทยอยากเห็นนายกฯของเขาบินเหมือนเหยี่ยว มากกว่าแมลงวัน ที่บินทั้งวัน แต่ไม่ได้ อะไร นอกจากได้สร้างภาพว่า บินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”
นอกจากนี้ ยังแถมท้ายด้วยว่าในรัฐบาลนี้ นอกจากจะมีรัฐมนตรี ผิดฝาผิดตัว รัฐมนตรีโลกลืม แล้วยังมี “รัฐมนตรี โลกเซ็ง” อีกด้วย นั่นก็คือ“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ที่จ้องแต่จะแยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ
เจอคารมผสมดรามาเข้าไปอย่างนี้ “เศรษฐา” ก็ลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้ทันควันว่า ทุกครั้งที่บินออกไปต่างประเทศ เป็นการเปิดโอกาส และสร้างการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมั่นใจว่าผลก็จะมีตามมา
“ไม่มีหรอก ที่นายกฯจะบินไปเหมือนแมลงวัน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเห็นฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ ที่คอยจะจ้องเล่นแต่การเมือง ขณะที่รัฐบาลเองก็พยายามเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน”
ไม่เพียงเท่านั้น “เศรษฐา” ยังตอบโต้ในประเด็นทีว่า รัฐบาลนี้เต็มไปด้วยรัฐมนตรี ไร้ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง ว่า...
"ที่บอกว่า รมว.คลัง ที่โลกเซ็ง ผมคิดว่าไม่จริง เพราะการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของผม มั่นใจว่าผมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่แก้จนให้กับพี่น้องประชาชน แต่ผมขอฝากไว้ว่า ท่านอย่าเป็นฝ่ายค้านที่ทำให้โลกงง ก็แล้วกัน วันหนึ่งก็จะเป็นฝ่ายค้าน อีกวันหนึ่งก็มีข่าวว่า จะขอเข้าร่วมรัฐบาล กลัวพี่น้องประชาชนจะงงมากกว่า" เศรษฐา ซัดกลับทิ้งท้าย
อภิปรายรอบนี้ แมลงหวี่ แมลงวัน ว่อนสภา
**"บิ๊กป๊อด" ลิงแก้แห “อรรถพล”ถอยกรูด ไม่เอาลิงลพบุรีเทเขาใหญ่ แฉกรมอุทยานฯ แหกตาตัวเลขลิง
หลังจากลิงลพบุรี ออกอาละวาดสร้างวีรกรรมกับชาวบ้านแทบไม่เว้นแต่ละวัน และดูเหมือนว่าจะรุนแรงขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ จนเกิดกระแสความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทำให้ท่าทีของบรรดาระดับบริหาร ไล่มาตั้งแต่เจ้ากระทรวง คือ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ์” รัฐมนตรีว่าการ “จตุพร บุรุษพัฒน์” ปลัดกระทรวงฯ และ “อรรถพล เจริญชันษา” อธิบดีกรมอุทยานฯ เริ่มนั่งไม่ติด โดยเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมานักข่าวหลายสำนักต่างสอบถามถึงปัญหาลิงลพบุรีกับ “บิ๊กป๊อด” เล่นเอาเจ้าตัวแทบไปไม่เป็น ต้องโยนคำถามร้อนๆ ไปให้ปลัดกระทรวงฯ กับอธิบดีฯ เป็นคนตอบ
จนมีข้อมูลโผล่ออกมาว่า กรมอุทยานฯ เล็งพื้นที่เขาใหญ่ ไว้รองรับปัญหาแล้ว และทันทีที่มีแนวความคิดนี้ออกมา ก็มีเสียงคัดค้านอย่างอื้ออึง ส่วนใหญ่มองว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง เพราะถ้าทำจริง ลิงลพบุรี จะต้องมาสร้างปัญหาให้กับอุทยานเขาใหญ่ อย่างแน่นอน และจะเกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเก่า เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
มากไปกว่านั้น“เขาใหญ่” ชื่อก็บอกอยู่ว่า“ใหญ่”ล้วนเป็นบ้านหลังที่สอง เป็นแหล่งลงทุนของบรรดา“ขาใหญ่” มากมายด้วย
เหตุผลดังกล่าวผ่านไปเพียงวันเดียว ช่วงสายวันที่ 3 เม.ย. “อรรถพล” รีบออกโรงแถลงปฏิเสธไม่เคยมีความคิดจะย้ายลิงลพบุรีไปยังเขาใหญ่ พร้อมกับบอกผลดำเนินการว่า กรมอุทยานฯ สามารถจับลิงเกเรก่อนนำไป “ฝากเลี้ยง” ยังสถานที่ต่างๆ 3-4 แห่ง มีทั้งพื้นที่เอกชน และภาครัฐ ซึ่งในการนี้อธิบดีกรมอุทยานฯ ยืนยันตัวเลขประชากรลิงลพบุรีว่า นับได้ 2,500 ตัวจับไปได้ทั้งหมดแล้วร่วม 1 พันตัว ที่เหลืออีก 1,500 ตัว จะรีบดำเนินการต่อไป
ฟังจากแถลงข่าวที่เหมือนชัดเจน แต่เอาเข้าจริงเป็นเพียงแค่การแก้ไขที่ปลายเหตุ เป็นการแก้ปัญหาแบบชั่วคราว ไม่ยั่งยืนอะไร สำคัญกรมอุทยานฯ กำลังเล่นกับตัวเลขประชากรลิง โดยอ้างว่าสามารถจัดการไปได้แล้วเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลือมีเพียง 1,500 ตัวไม่ถึง 4-5 พันตัว หรือเป็นหมื่นตัวจนเกิดวิกฤตไม่สามารถควบคุมได้
ตรงนี้คืออันตราย และถือว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ขาด แม้แต่ตัวเลขจำนวนประชากรลิงก็ยังมุบมิบ ปกปิดไม่ตรงไปตรงมา สิ่งที่ประจานได้ชัดเจนสุดคือ วันนี้ลพบุรี แทบจะกลายเป็นเมืองร้าง คนลพบุรีที่ประสบภัยจากลิง ต้องอพยพถิ่นฐาน จนปรากฏภาพตึกร้างบ้านร้าง หลายแห่ง ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีทางไปก็ถูกลิงก่อกวนรังแกทำร้ายไม่เว้นแต่ละวัน ต้องอยู่แต่ในบ้านเหมือนถูกขังกรง ส่วนลิงไปไหนมาไหนอย่างอิสระ โดยที่ทางการไม่สามารถรับมือ หรือแก้ไขอะไรให้ได้
ในขณะที่เจ้ากระทรวง–ปลัดกระทรวงฯ และอธิบดีผู้รับผิดชอบ กำลังหัวหมุนเพราะกระแสสังคมเริ่มกดดัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาลิงลพบุรี ก็ดี ปัญหาช้างป่า ก็ดี หรือแม้แต่กระทิง ปฏิบัติการนำลิงปล่อยเกาะที่เคยทำกันทั้งในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีการนำลิงที่ก่อปัญหาแบบเดียวกับลิงลพบุรี ไปปล่อยเกาะร้างต่างๆ หรือแม้แต่ลิงเมืองชลบุรี นำไปปล่อยเกาะเป็ด อ.สัตหีบ เหตุใดไม่มีใครหยิบมาปัดฝุ่น ที่ผ่านมามีการประเมินผลดี ผลเสีย หรือไม่หรือท่านผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกรงใจคนรักลิง