“เศรษฐา” ยันไม่เคยก้าวก่าย แทรกแซงแต่งตั้งโยกย้าย ขรก.ตร. ทุกอย่างยึดความถูกต้อง-ยุติธรรม-โปร่งใส รับจะเร่งรีบกู้ภาพพจน์ตำรวจ กวดขันแก้ปัญหาสังคม-ยาเสพติด ลั่นลูกน้องคนไหนผิด ต้องจัดการตามกฎหมาย
วันนี้ (3 เม.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายถึงการแต่งตั้งข้าราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ไม่อาจใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ และนายตำรวจลำดับรองลงมาได้เพียงลำพัง แต่หน้าที่อำนาจเป็นของคณะ ก.ตร. เป็นการพิจารณาในรูปแบบคณะบุคคลร่วมพิจารณา ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยใช้อำนาจใดๆ ครอบงำ หรือสั่งการทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ และยังเปิดกว้างให้ ก.ตร.ได้อภิปรายรายชื่อที่แต่งตั้งอย่างทั่วถึง และ เปิดเผย โดยไม่มีการรวบรัด เร่งรีบ ยึดหลักยุติธรรม โดยมีพยานหลักฐานว่าการประชุมแต่ละครั้งตนให้อภิปรายอย่างกว้างขวาง
ดังนั้น การจะกล่าวหาว่าตนชี้นำ สั่งการ ครอบงำใดๆ จึงเป็นเรื่องที่ถูกไม่ถูกต้องและเป็นเท็จ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ต่ำลงกว่าผู้บัญชาการในแต่ละภาค ก็เป็นเรื่องของแต่ละภาคจะพิจารณา และนำเสนอต่อ สตช.ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ตนไม่เคยไปชี้นำ เพราะรู้ว่าการให้ความเป็นธรรมในการแต่งตั้งผลลัพธ์จะเกิดกับประชาชน เพราะจะได้ตำรวจส่งให้ประชาชนอยู่ดี เป็นสุข แม้จะมีปัญหาใน สตช. ตนก็ไม่ได้นิ่งเฉยและได้แก้ปัญหาทันที เช่นตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนเรื่องใดอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ก็ปล่อยให้กระบวนการดำเนินไป โดยไม่ก้าวล่วงให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย วันนี้รักษากา รผบ.ตช. ก็แถลงถึงการดำเนินการกับข้าราชการตำรวจที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งถือเป็นไปตามกรรมการของ สตช.
นายเศรษฐา ยืนยันว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี และ ประธาน ก.ตร. จะเร่งรีบแก้ไขและกอบกู้ภาพพจน์ของ สตช.และกวดขันให้สตช.แก้ปัญหาสังคมที่มีอยู่ โดยจะเห็นได้จากตนไปยังสำนักงานตำรวจไฟเบอร์ หรือการกวดขันเรื่องยาเสพติด ยาบ้า วันนี้ก็มีหลายฝ่ายดำเนินการแก้ไขยาเสพติดที่ระบาดอยู่
“ขอให้เชื่อมั่นในตัวผมว่า ถ้ามีสิ่งใดจะเสนอแนะผมก็พร้อมรับไปปฏิบัติ ถ้าเป็นข้อเสนอที่ดี จะดำเนินการให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ถ้าลูกน้องหรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้องก็ต้องถูกดำเนินการไปตามกฎหมาย อย่าว่าแต่จิ้งจกเลยผมว่า เอาหลักฐานมาดีกว่า ผมพร้อมที่จะดำเนินการทุกอย่างตามกฏหมาย” นายเศรษฐา กล่าว