ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เปิดตัวละคร “แดนไพร” บ่าว 2 นาย สายลับโจ๊ก ล้วงตับบิ๊กต่อ อ้างซุก "บ้าน 2 หลัง" ที่อังกฤษ ชงป.ป.ช.เชือด
เรื่องราวฉาวโฉ่ในวงการสีกากียังมีออกมาต่อเนื่อง ใครเผลอกระพริบตานี่ถือว่าพลาดเบย
ขณะที่ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดิ้นสุดฤทธิ์ หนีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน แต่ถึงที่สุดศาลได้อนุมัติออก "หมายจับ" เรียบโร้ย
เพราะ พยานหลักฐานเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาเช่น “โจ๊ก” กระทำผิด แถมมีพฤติการณ์หนีหมายเรียกอีกต่างหาก
ส่วน “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็ถูกเครือข่ายบริวารของ “โจ๊ก” ขึงพืด ทั้งแฉและร้องทุกข์กล่าวโทษไม่ลดละ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” ถึงชั่วโมงนี้ก็อาการร่อแร่พอกัน
คราวนี้แนวรบไปอยู่ที่ ป.ป.ช. กรณีรายงานทรัพย์สินอันเป็นเท็จ มีข่าววงใน ป.ป.ช.เล็ดลอดออกมาว่า ป.ป.ช.กำลังตามกลิ่นบัญชีทรัพย์สินของ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” หลังจากที่ไปได้เบาะแสจาก “สายลับ” ระบุถึงการซุกบ้าน 2 หลัง ที่ประเทศอังกฤษของ “บิ๊กต่อ” โดยที่ไม่ได้รายงานไว้ในบัญชีแสดงทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.
สืบทราบมาว่า สายลับนิรนามที่ส่งเบาะแสให้ป.ป.ช.คนนี้ก็คือ “พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล” รอง ผบก.สส.สตม. หนึ่งในคนสนิทของ “โจ๊ก” นั่นเอง
ว่ากันว่าโจ๊กไว้ใจ ”แดนไพร“ ขนาดยกให้เป็นมือซ้าย ในชุดปราบปรามคดีของโจ๊ก
“แดนไพร” ทำตัวเบ่ง เก่งกาจ เหาะเหินเดินอากาศ เรียกว่า ครบเป็นไม่ได้ ครบต้องได้ขึ้นตำแหน่งเสมอ
ครั้งหนึ่งเคยผงาดเป็น ผกก.ตม.จว.นครพนม หน้าด่านอีสานเหนือ แต่เจ้าตัวไม่มีความสำราญ เพราะเก่งงานลับๆสืบสวน ชอบฟุตฟิต ฟอไฟ ภาษาส่วยกับต่างด้าวมากกว่า จึงขอให้ “รองโจ๊ก” ย้ายตนเองไปเป็น ผกก.ใน บก.สส.สตม.
จากการย้ายมาฝ่ายสืบสวนในครั้งนั้น ทำให้ “แดนไพร” เดินหน้าเข้าไปพัวพันเว็บพนันทั่วราชอาณาจักร ในนามของผู้ยิ่งใหญ่
ว่ากันว่า “แดนไพร” จะแอบอ้างว่าตนเก็บให้ รอง ผบ.ตร. ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะใครๆ ก็รู้จัก “แดนไพร” จากการเป็น วอลเปเปอร์ของ “รองโจ๊ก” ผู้ยิ่งใหญ่เสมอ เมื่อแถลงข่าวเอาแสงเข้าตัว
แต่ภายใต้ความเก่งกาจนี้ “แดนไพร” ก็ชอบเป็นผู้มีโลกสองใบ! รู้กันในกลุ่มของคนสนิทโจ๊ก เข้าทำนองไม่ต่างจาก “ รองหนึ่ง” ภาคภูมิเลย แต่แสบสันต์กว่าตรงที่ "มุบมิบ" ถ่ายเททรัพย์เก่ง โดยที่ “โจ๊ก” ไม่รู้ตัว มัวแต่ตรวจสอบ “รองคริษฐ์” พ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์ ที่ไหนได้ “แดนไพร”เงียบๆ แต่ฟาดเรียบ นะครับนะ
กระนั้น “แดนไพร” ก็ใกล้ชิดสนิทกันกับ “โจ๊ก”ถึงขนาดโดนข้อหาเว็บพนันมินนี่ชุดสองพร้อมกัน จากเดิมชุดแรก มี 14 คน ที่ประกอบด้วยตัวเจ้าแม่มินนี่ และบรรดา 8 ตำรวจลูกน้องรอบเอว โจ๊ก
พอพนักงานสอบสวนประกาศรายชื่อผู้ต้องหาชุดสอง เพิ่มอีก 5 ราย ชุดนี้มี “โจ๊ก”นำทีมมาเอง ที่เหลือเป็น พล.ต.ต. 1 ราย พ.ต.อ. 2 ราย และส.ต.อ. 1 ราย
1 ใน 2 พ.ต.อ. ก็มีชื่อว่า “พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล” นี่แหละ!!
อีกด้านหนึ่ง แดนไพรได้ชื่อว่าเป็น "บ่าวสองนาย" รับใช้ทั้งโจ๊ก และ บิ๊กต่อ
ตอนที่โจ๊ก โดนเดช บิ๊กตู่ ใช้อำนาจตาม ม.44 เด้งจากเก้าอี้ ผบช.สตม. ไปเป็นข้าราชการพลเรือน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2562 ช่วงนั้นเอง “พ.ต.อ.แดนไพร” ประเมินแล้ว ลูกพี่น่าจะไปแล้วไปลับ เลยวิ่งหานายใหม่ที่จะไปทำงานรับใช้ ปรากฏนายใหม่ที่ พ.ต.อ.แดนไพร เลือกก็คือ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
เพราะงานดีเป็นที่ประทับใจ “พ.ต.อ.แดนไพร” เลยได้รับรู้เรื่องลึกๆ มากมายของ “บิ๊กต่อ” เช่น ทรัพย์สินต่างๆ
แต่แล้วลมเปลี่ยนทิศ เพียงแค่ 2 ปี “บิ๊กโจ๊ก” ก็ใช้กำลังภายใน ดันตัวเองกลับมาเป็นตำรวจอีกครั้ง ในปี 2564 แถมผงาดในตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.
“พ.ต.อ.แดนไพร” เห็นนายเก่าคัมแบ็กเช่นนั้น เลยตีจาก บิ๊กต่อ กลับไปซบ บิ๊กโจ๊ก ตามเดิม
ช่วงที่เกิดคดี “เป้ รักผู้การ 140 ล้าน” โคนัน อย่าง "อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" แถลงข่าว ระบุว่าพ.ต.อ.แดนไพร ไปปิดห้องคุยกับ “บอย วีระ” นักเลงแสบพัทยา ซึ่ง“บอย วีระ”ฉวยโอกาสไปตบทรัพย์เจ้าของเว็บพนันอย่าง “เป้ 140 ล้าน” จนได้เงินไปหลายสิบล้าน
จากนั้นไม่กี่วัน “บอย วีระ” ก็หนีออกนอกประเทศไป โดย “พ.ต.อ.แดนไพร” ตอบโต้นายอัจฉริยะ ว่าเขาไม่ได้สนิทสนมอะไรกับ “บอย วีระ” แต่นายอัจฉริยะ ไปได้หลักฐานถ่ายภาพคู่กันนานแล้ว ตลอดจนข้อความแชตไลน์คุยกัน ระหว่าง พ.ต.อ.แดนไพร กับ บอย วีระ
สุดท้ายคดี “เป้140ล้าน” ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่
สำหรับ “บิ๊กต่อ”นั้น หากป.ป.ช. ลุยตรวจสอบจริงจังขึ้นมาเกี่ยวกับบ้าน 2 หลัง ซึ่งซุกไว้ที่ประเทศอังกฤษ ต้องบอกว่า งานนี้ “บิ๊กต่อ” เหนื่อยแน่ เพราะดันโดนล้วงตับโดย “สายลับสองหน้า” ที่คลุกวงในมาขนาดนั้น จนข้อมูลเด็ดไปถึงมือป.ป.ช.
นี่ก็เป็นอีกเรื่องฉาวในสตช.ที่ “บิ๊กต่อ”กับ “บิ๊กโจ๊ก” สร้างให้มัวหมอง น่าเศร้าใจของตำรวจน้ำดีทั้งหลาย
ยังไม่มีใครรู้ว่านายตำรวจใหญ่ทั้งสองคนนี้จะมีเรื่องราวอื้อฉาวอะไรออกมาอีก
ที่แน่ๆ กระบวนท่า "ตายตกตามกัน" ที่ “โจ๊ก”เลือกใช้กับ “บิ๊กต่อ” ทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมขั้นสุด.
**เป็นตุเป็นตะ“ยิ่งลักษณ์”นั่งผู้แทนพิเศษยูเอ็น สางปัญหาเมียนมา
เมื่อเร็วๆนี้ มีข่าวว่า “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีจำนำข้าว กำลังหาช่องทางกลับไทย ตามแบบ “ทักษิณโมเดล” ผู้เป็นพี่ชาย แต่แล้วเรื่องก็เงียบไป
“ยิ่งลักษณ์”มาเป็นข่าวอีกที เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อสำนักข่าว The Irrawady “อิระวดี” ของเมียนมา รายงานกระแสข่าวว่า “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้รับการแต่งตั้งเป็น “ผู้แทนพิเศษประจำเมียนมา” ของเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หลังจากเมียนมา ไม่มีตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2556 คือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
สำหรับตำแหน่ง “ผู้แทนพิเศษ ยูเอ็น” นั้นมีหน้าที่หลักๆ คือรับผิดชอบ ส่งเสริมงานในด้านสิทธิมนุษยชน ประมาณว่า รวบรวมข้อมูล รายงานการละเมิด การคุกคาม ข่มขู่ ข่มเหง สร้างความหวาดกลัว ความรุนแรงต่างๆ เสนอต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
นั่นอาจเป็นเพราะสถานการณ์ในเมียนมาขณะนี้ ถือว่าอยู่ในขั้นรุนแรง จากการปะทะ หรือทำสงครามระหว่างกองทัพของรัฐบาลเมียนมา กับกองทัพชนกลุ่มน้อย กลุ่มชาติพันธุ์ ที่กระจายอยู่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะด้านที่ติดกับประเทศไทย
ยูเอ็นจึงตั้ง “ยิ่งลักษณ์” เป็นผู้แทนพิเศษ หวังทำหน้าที่เป็นผู้หยุดยั้งการนองเลือด เป็นกุญแจนำไปสู่ “สันติสุขในเมียนมา”
ตำแหน่งสำคัญขนาดนี้ และเมียนมาก็เป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่รัฐบาลไทยกลับไม่มีใครรู้ กระทรวงการต่างประเทศ ก็ไม่รู้
“ปานปรีย์ พหิทธานุกร” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังประชุมครม.เมื่อวานนี้ (2 เม.ย.) ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ได้เห็นข่าวแล้ว และเช็กเบื้องต้นแล้ว แต่ไม่พบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ไม่แน่ใจว่าข่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ทางรัฐบาลไทยก็ไม่ได้รับรายงาน เชื่อว่าไม่น่าจะใช่
แต่ถ้าแต่งตั้งจริง ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องผิด หรือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของเมียนมา เพราะยูเอ็น คงจะพิจารณาตามความเหมาะสม หากยูเอ็นเห็นแล้วว่าเหมาะสม ก็ตั้งให้มารับตำแหน่ง ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลไทยแต่อย่างใด จึงไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงจากรัฐบาลไทย
หรือจะเป็นเพราะว่า วันที่มีการเผยแพร่ข่าวนี้ คือวันที่ 1 เมษายน เป็นวัน April Fool’s Day “ยิ่งลักษณ์” เลยได้เป็น “ผู้แทนพิเศษยูเอ็น” แบบทิพย์ทิพย์ ไป