เมืองไทย 360 องศา
ประสานเสียงยืนยันอย่างหนักแน่นตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นระดับแกนนำพรรคเพื่อไทย ว่า ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้ พร้อมกับย้ำว่า 314 เสียงของรัฐบาลในเวลานี้เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำเสียงสนับสนุนเข้ามาเติมอีกแล้ว
เริ่มจาก นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวดังกล่าว โดยนายกฯยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “ข่าวลือ ท่านพูดถูกคำว่าข่าวลือ ข่าวลือมันก็จบที่ข่าวลือ ”
ถามว่าแต่มีข่าวถึงขั้นว่าจะดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยมีการพูดคุย อย่างที่ผมเรียนแล้วว่า 314 เสียงก็แข็งแกร่งพอแล้วในตรงนี้ เรามีความสมัครสมานสามัคคี พูดจากันรู้เรื่องอยู่แล้ว งบประมาณยังไม่ออกเลย วันนี้พูดกันถึงงบประมาณและการขับเคลื่อนประเทศโดยการใช้งบประมาณ ซึ่งวันนี้อย่างที่บอกได้มีการสั่งการไปแล้ว ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ไปแล้ว ก็ต้องมีการทำงานอย่างจริงจังในตอนนี้
เมื่อถามว่าสมมุติว่าในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ยังเหลือโควตาอีก1 ที่ อาจจะต้องมีการขยับเขยื้อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบทันทีว่า “สมมุติก็คือสมมุติ เพราะท่านบอกว่าสมมุติ เราอยู่กับความเป็นจริงดีกว่าในวันนี้”
เมื่อถามว่าความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีคือต้องการให้รัฐมนตรีชุดเดิมขับเคลื่อนงบประมาณที่เพิ่งผ่านสภามาแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เรามีการเน้นย้ำและโฟกัสการใช้งบประมาณขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด
ถามย้ำว่ายังคงสัดส่วนโควตารัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลไว้เช่นเดิมใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ครับ เป็นข้อตกลงที่ชัดเจนอยู่แล้วในตรงนี้ ทุกอย่างยังเป็นโควตาเดิมที่อยู่มานานแล้ว เช่นเดียวกับโควตาของพรรคเพื่อไทยก็เป็นโควตาเดิมที่มีมานานแล้ว
ส่วนที่มีการเรียกรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเข้าพบบนตึกไทยคู่ฟ้า ได้มีการพูดคุยเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการพูดคุยเรื่อง เขตการค้าเสรี (FTA) มีนายภูมิธรรม เวชยชัย นายปานปรีย์ พหิธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ รวมถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยมีการพูดคุยถึง FTA และการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้เลย ไม่มีเฉี่ยวมาเลยแม้แต่สักนิดเดียว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์กล่าวถึงข่าว ที่อาจจะมีการดึงพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)เข้าร่วมรัฐบาล เป็นความจริงหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ต้องถามนายกรัฐมนตรี เพราะไม่มีใครทราบ ซึ่งเป็นบทบาท และอำนาจของนายกฯ จะปรับหรือไม่ปรับตามสถานการณ์ และตนก็ไม่เคยได้ยินจากท่านนายกฯ จากการคุยล่าสุดเมื่อวานก็ไม่มีการพูดเรื่องนี้ แต่ได้ยินจากสื่อเท่านั้น รวมถึงที่ผ่านมาก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือต้องไปดูว่าออกมาจากตรงไหน อาจมีทั้งตั้งใจพูด และไม่ตั้งใจ หรือพูดคาดการณ์ต่างๆ
เมื่อถามว่า จำนวน314 เสียงของรัฐบาล ยังไม่เพียงพอใช่หรือไม่ จึงมีกระแสว่าจะดึงปชป.เข้าร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทำไมเสียงจะไม่พอ มันก็ทำหน้าที่ของมันอยู่แล้ว ส่วนจะปรับครม.หรือไม่คนละเรื่องกัน และก็ยังไม่รู้ว่าปรับหรือไม่ อย่าเพิ่งไปคิดไกล และยังไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ เพราะยังเป็นเรื่องโคมลอย ถ้าเป็นเรื่องชัดเจนค่อยมาว่ากัน
ถามต่อว่า หากดึงปชป.เข้ามาจะมีปัญหาหรือไม่ เพราะในพรรคร่วมรัฐบาล ก็ยังมีหลายคนที่รอเป็นรัฐมนตรี นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีอะไรเลย ทุกคนยังทำงานดี พูดคุยกันได้ดี
ก็เป็นอันชัดเจนว่า “ยัง” ไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงเวลานี้ แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือทำไมถึงมีข่าวแบบนี้ออกมา โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังจะมีการอภิปรายโดยไม่มีการลงมติตาม มาตรา 152 ของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งกำลังจะเริ่มในวันที่ 4-5 เมษายนนี้ ทางหนึ่งอาจเป็นสร้างความหวังให้กับฝ่ายค้านบางพรรคหรือเปล่า โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกจับตามาตลอดว่า “ค้านรอร่วม” หรือไม่ ลักษณะที่ออกมาในแบบ “ชกไม่เต็มหมัด” ซักฟอกแบบถนอมน้ำใจ บางครั้งถึงกับถูกสงสัยว่า “ฟอกขาว” ให้ก็มี
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาและแบ็กกราวด์ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต ที่มักจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหมุนเวียน สับเปลี่ยนเก้าอี้กันเฉลี่ยราว 6 เดือนถึง 1 ปี อยู่เสมอ โดยเฉพาะในยุคของ นายทักษิณ ชินวัตร คุมอำนาจเบ็ดเสร็จตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อรัฐบาลมีอายุกว่า 7 เดือนทำให้มีการคาดหมายกันว่าน่าจะถึงเวลาปรับคณะรัฐมนตรีกันแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโควตารัฐมนตรีที่ยังเหลืออยู่อีก 2 ตำแหน่ง ทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทย กับพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากก่อนหน้านี้คนที่ได้รับการเสนอชื่อยังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ซึ่งหากมีการเพิ่มตำแหน่งที่ว่างเข้าไป ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีไปพร้อมกันก็เป็นได้
อย่างไรก็ดีที่น่าจับกันก็คือ หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี อาจจะเป็นการ “ปรับใหญ่” กันเลยทีเดียว ซึ่งปรับใหญ่ในที่นี้อาจจะถึงขั้น “ปรับนายกฯ” กันเลยทีเดียว ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ซึ่งในประเด็นหลังก็มีการพูดถึงกันไปมากเหมือนกันก่อนหน้านี้ เนื่องจากโครงสร้างของพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลนั้น มีลักษณะเฉพาะ นั่นคือมี “เจ้าของพรรค” และ “ลูกเจ้าของพรรค” ที่ค้ำยันกันอยู่ เจ้าของในที่นี้เข้าใจกันแล้วว่า คือ นายทักษิณ ชินวัตร ส่วนลูกเจ้าของพรรคก็คือ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และเป็นหัวหน้าพรรคในเวลานี้ กำลังถูกมองว่ากำลังรอจังหวะเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน นายเศรษฐา ในอีกไม่นาน
เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขเวลา ทั้งในเรื่ององค์ประกอบภายนอกที่เชื่อมโยงกัน เช่น ส.ว.ชุดปัจจุบันกำลังจะหมดวาระในต้นเดือนหน้า ทำให้อำนาจในการโหวตนายกรัฐมนตรีตามบทเฉพาะกาลสิ้นสุดลง ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ผ่านสภาไปแล้ว ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี และมีการมองกันว่าอาจจะ “ปรับใหญ่” นั่นคือ “เปลี่ยนนายกฯ” กันเลยทีเดียว โดยคาดหมายกันว่าเวลาที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ หลังเดือนพฤษภาคมไปแล้ว
ดังนั้นหากให้สรุปถึงความเป็นไปได้สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี ก็ต้องบอกว่ามีความเป็นไปได้ เพียงแต่ว่าต้องรอจังหวะอีกสักพัก และคราวนี้อาจถึงขั้น “ปรับใหญ่” และน่าจับตาก็คือ อาจมีการ “เปลี่ยนตัวนายกฯ” กันเลยทีเดียว ส่วนการดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเพิ่มหรือมาเสียบนั้น นาทีนี้ถือว่าไม่จำเป็น เป็นแค่ข่าวปล่อยเพื่อลดดีกรีซักฟอกของบางพรรคเท่านั้น !!