เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าในสายตาคนทั่วไปส่วนใหญ่จะมองว่า พรรคฝ่ายค้านหลักในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ มีลักษณะ“ชกไม่เต็มหมัด”กับฝ่ายรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เนื่องจากยังมีระดับความสัมพันธ์ที่ชวนน่าสงสัยมาตลอด ทั้งในเรื่องของผู้นำที่เรียกว่า “ผู้นำจิตวิญญาณ” หรือเจ้าของพรรคตัวจริง ขณะที่อีกพรรคหนึ่งเหมือนกับ “ค้านเพื่อรอร่วมรัฐบาล”อะไรประมาณนั้น
อย่างไรก็ดี หากฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่เต็มที่ โดยเฉพาะในการ การอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน ก็น่าเชื่อว่าจะได้รับแรงศรัทธาเพิ่มขึ้นมาได้อีก นอกเหนือจากบรรดาแฟนคลับเฉพาะกลุ่มของตัวเองที่มีแต่เดิมเท่านั้น
แต่ไม่ว่าลักษณะการ “ซักฟอก” ในวันนั้นจะเป็นแบบไหน เต็มที่ หรือ“ชกเต็มหมัด” หรือไม่ แต่เชื่อว่า นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษที่ได้รับการพักโทษอยู่ในเวลานี้ จะต้อง “โดน” แน่นอน เพราะไม่ว่าจะเลี่ยงอย่างไร มันก็เลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งหากไม่พูดเรื่องของนายทักษิณ แล้วก็เหมือนกับว่าไม่มีอะไรจะพูดแล้วได้รับความสนใจเหมือนกัน
สำหรับพรรคก้าวไกล ล่าสุดก็ออกมาแย้ม นำเสนอแบบเปิด “หัวม้วน” ให้ดูน่าสนใจ มีการโหมโรง โพสต์ข้อความระบุว่า 7 เดือนเต็ม หลังการขึ้นบริหารประเทศของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เกือบครบทุกพรรค
7 เดือนที่ประชาชนที่ผิดหวังกับการจัดตั้งรัฐบาล ยังหวังว่าปัญหาเศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลเพื่อไทย ที่พิสูจน์ฝีมือมาแล้วในอดีต จะนำพาประเทศไทยไปข้างหน้า แก้ปัญหาของประชาชนที่หมักหมมมากว่า 10 ปีได้ แต่วันนี้
ดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่มา ค่าแรงขึ้นเป็นหย่อมๆ ค่าไฟแพงขึ้นเรื่อย ๆ ลูกหลานยังต้องไปเกณฑ์ทหาร นักโทษคดีการเมืองยังติดคุก (และบางคนได้กลับบ้าน)
วันนี้ เกิดคำถามว่า รัฐบาลเพื่อไทย กำลังทำเพื่อใคร? เพื่อประชาชน หรือเพื่อคนที่หนุนนำให้ได้ตั้งรัฐบาล? รัฐบาลที่จัดตั้งมาโดยฝืนความต้องการของประชาชน จะรับใช้ประชาชน หรือรับใช้คนที่อนุญาตให้ตนได้กลับมามีอำนาจ?
ซึ่งหากพิจารณาจากข้อความดังกล่าวที่เปิดหัวออกมา ที่บอกว่า “รัฐบาลเพื่อไทย กำลังทำเพื่อใคร” นั้น มันก็ดูเหมือนว่า คำว่า “เพื่อไทย” เป้าหมายน่าจะไม่ใช่ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมองตามรูปการณ์แล้วน่าจะเป็นแบบนั้น หากจะมีการพูดถึงก็คงเป็นแค่ “ฉาบฉวย” แบบเสียไม่ได้ เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะพรรคก้าวไกล ตั้งแต่เจ้าของพรรคตัวจริง คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลงมาจนถึงระดับปลายแถว ล้วนแสดงอาการเห็นอกเห็นใจ นายทักษิณ ด้วยซ้ำไป โดยอ้างว่าเป็น “ผู้ถูกกระทำ” จากการรัฐประหาร ไม่ได้ให้น้ำหนักไปที่เรื่อง “ทุจริต” ทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด มีบางครั้งที่เหมือนกับว่า จำเป็นต้องแตะต้องบ้าง ก็แบบเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาแบบเสียไม่ได้ เนื่องจากกระแสสังคมกดดัน ประมาณว่า “หากไม่พูดเรื่องนี้ เดี๋ยวจะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง” อะไรประมาณนั้น เพราะกรณี นายทักษิณ หากจะพูดก็พูดกันไม่จบ โดยกรณีล่าสุดที่เขา “ย่ำยีกระบวนการยุติธรรม” อภิสิทธิ์ชน” ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
ขณะที่ ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคที่นำโดย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ก็ถูกมองว่า “ค้านเพื่อรอร่วม” มีการจับตาว่า “ชกไม่เต็มหมัด” บางครั้งเหมือน “เกี้ยเซียะ” กลายเป็น “ฟอกขาว” ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร เสียอีก จากกรณีคณะกรรมาธิการตำรวจที่ไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลตำรวจเมื่อสองสามเดือนก่อน ที่อ้างข้อมูลว่าว่า “ป่วยจริง” หรือก่อนหน้านั้น ส.ส.ประชาธิปัตย์เกือบทั้งหมด ก็ยังเคยโหวตหนุน นายเศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว
แม้ว่าที่ผ่านมาหากเทียบบทบาทของฝ่ายค้านกับ พรรคก้าวไกล ก็ยังถือว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีความโดดเด่นใช้ได้ เพียงแต่ว่า ด้วยพฤติกรรมบางอย่างทำให้เกิดความสงสัยว่า “ชกไม่เต็มหมัด” ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกสำหรับพรรคการเมืองพรรคนี้ ที่เคยได้เครดิตจากการเป็นฝ่ายค้านมาตลอด แต่คราวนี้กลายเป็นถูกมองด้วยสายตาสงสัยว่า “ค้านเพื่อรอร่วม”รัฐบาล และเป็นยุคที่พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำที่สุด ดังนั้นบทบาทในสภาคราวนี้ สำหรับการ “ซักฟอก” ในระหว่างวันที่ 4-5 เมษายน จะ “ชกเต็มหมัด” หรือไม่ มีการ “ลากไส้” ไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร ได้สะเด่าแค่ไหน ก็ต้องรอดู
อย่างไรก็ดี กรณีของนายทักษิณ กลายเป็นเรื่องหวาดผวาสำหรับพรรคเพื่อไทยไปแล้ว เป็นบุคคลที่ไม่ใครแตะต้องได้ คราวนี้ก็เหมือนกัน มีการข่มขู่เอาไว้ล่วงหน้าว่า “ห้ามแตะต้อง” เป็นอันขาด
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า หากฝ่ายค้านมีการพาดพิงถึงนายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. ว่า ไม่จำเป็นต้องเตรียมองครักษ์คอยประท้วง ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ หากไปพาดพิงบุคคลภายนอก โดยไม่จำเป็น ประธานในที่ประชุมจะทักท้วง แต่ถ้ายังพาดพิงอยู่ ก็ต้องรับผิดชอบผลทางคดีเอาเอง ไม่ใช่แค่นายทักษิณ หรือน.ส.แพทองธาร แต่รวมถึงบุคคลภายนอกอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหา เพราะเขาไม่สามารถมาชี้แจงได้เหมือนรัฐมนตรี
“ถ้าพาดพิงแล้วไม่เสียหาย ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาเสียหาย ก็เป็นเรื่องปกติที่จะดําเนินคดีอาญา ไม่ใช่ว่าปกป้อง หรือห้ามพูดถึง แต่ต้องรับผิดชอบ ผลการกระทําที่ตามมา เป็นแบบนี้มาทุกยุคสมัย สส.ในสภาก็เคยถูกฟ้องร้อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนายทักษิณอย่างเดียว“ นายวิสุทธิ์ ระบุ
ขณะที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ในเรื่องเดียวกันว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีองครักษ์พิทักษ์ใครทั้งสิ้น แต่ฝ่ายค้านก็ต้องอภิปรายให้อยู่ในกรอบการสอบถามหรือแนะนำการทำงานของรัฐบาล ไม่ใช่การตีกินทางการเมืองหรือหลอกด่าฟรี ซึ่งพวกตนจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่นอน หากจะยื่นอภิปรายก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจไปเลย
ถามว่าหากมีการอภิปรายพาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. เตรียมรับมืออย่างไรบ้าง นายสรวงศ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 ท่าน เป็นบุคคลภายนอกไม่ได้อยู่ในที่ประชุมที่จะมาชี้แจงได้ ฉะนั้น การกล่าวถึงบุคคลภายนอกที่ไม่จำเป็นก็เป็นดุลพินิจของประธานในที่ประชุมว่าจะจัดการอย่างไรและต้องควบคุมการประชุม
เมื่อถามถึง กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ว่าให้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับนายทักษิณ กับสส.ของพรรคพท.แล้ว ได้รับข้อมูลอะไรบ้างหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เป็นข้อมูลที่พวกเรารู้กันตามหน้าสื่อมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการกลับมา การรับโทษ อาการป่วยของท่าน แต่หากจะมีการโยงไปถึงเรื่องอื่นๆ เราคงยอมไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาล ย้ำว่าท่านเป็นบุคคลภายนอก ไม่สามารถมาชี้แจงในที่ประชุมได้
ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว แม้สังคมจะมองฝ่ายค้านด้วยความสงสัยทำนองว่า “ฝ่ายค้านการละคร” หรือชกไม่เต็มหมัดก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าในการอภิปรายมันก็จำเป็นที่จะต้อง “แตะ” ไปที่นายทักษิณ ชินวัตร แน่นอน ส่วนจะแตะแค่ “ผิวๆ” หรือว่า แบบให้เลือดซิบหรือไม่ ก็ต้องโดนอยู่แล้ว เพราะหากไม่พูดถึงเลยยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะนาทีนี้หากไม่พูดเรื่อง “เทวดา” คนนี้แล้ว เรื่องอื่นถือว่าเป็นเรื่องรองไปแล้ว !!