เมืองไทย 360 องศา
หากพิจารณาจากอาการและจับอารมณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร ในเวลานี้เชื่อว่าหลายคนก็คงมองออกคล้ายๆ กันว่า “เขาไม่แคร์” ไม่เกรงใจหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะนี่คือเจตนาที่ต้องการกลับทวงความยิ่งใหญ่ ทั้งในฐานะส่วนตัวและพรรคการเมือง รวมทั้งรัฐบาลที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาวันที่ 14-15 มีนาคม นายทักษิณ ได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยอ้างว่าไปไหว้บรรพบุรุษ และพบปะกับบรรดาญาติพี่น้องที่ไม่ได้พบกันนานหลายปี นั่นก็ใช่ แต่เมื่อพิจารณาจากกำหนดการที่แน่นเอี๊ยดแล้วมองออกได้ทันทีว่า นี่คือ “งานการเมือง” ชัดเจน ขณะเดียวกันหากมองในมุมการเมือง ก็เข้าใจทันทีว่านี่คือการ “เริ่มโหมโรง” และเป็นการโหมโรง หรือออกตัวเร็วกว่ากำหนด
อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์บังคับ เนื่องจากหลายอย่างกำลังถดถอยไปมาก โดยเฉพาะหลังจากมีผลการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทย ต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งเป็นครั้งแรก และยังแพ้แบบหมดรูป แม้กระทั่งในบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ และในภาคเหนืออีกหลายจังหวัด ในกรุงเทพฯ ก็แทบสูญพันธุ์ เรียกว่าสูญเสียแบบที่คาดไม่ถึง และไม่เคยเป็นมาก่อน
ขณะเดียวกัน แม้ว่ามีการพูดกันว่ามี “ดีลลับ” เพื่อแลกกับการกลับมา และการได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในลักษณะแบบ“ข้ามขั้ว” แต่มันก็แลกกับความถดถอย ความเสื่อมศรัทธาของมวลชนกลุ่มสนับสนุนที่มีอยู่เดิมลงไปจำนวนมากเหมือนกัน ประกอบกับเมื่อนับจากกรณีที่เขาเลือกใช้วิธี “ไม่ยอมติดคุก” แม้แต่วันเดียว ก็ต้องยอมรับว่าได้สร้างผลกระทบในทางลบ เป็นการสร้างเงื่อนไขถูกวิจารณ์ในเรื่อง “สองมาตรฐาน” และ “คนไม่เท่ากัน”
กลายเป็นว่าคู่แข่งทางการเมือง อย่างพรรคก้าวไกล ที่แม้ว่าอาจยังกั๊กๆ แต่ก็ถือว่า“ตามน้ำ” ตีกินโกยคะแนนไปแบบเนียนๆ อีกทั้งด้วยผลงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผ่านมา 7 เดือน ยังมองไม่เห็นผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะนโยบายหลักอย่าง “แจกเงินดิจิทัล” ก็ยังแจกไม่ได้ และที่ผ่านมาก็เสียรังวัด จากที่เคยยืนยันไม่กู้ ไม่ใช้เงินงบประมาณ แต่ทุกอย่างกลับเป็นตรงกันข้าม
ด้วยสถานการณ์ที่บีบรัดดังกล่าวนี่เอง ที่กลายเป็นแรงผลักดันทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็น “ทุกอย่าง” ของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาต้อง “เปิดหน้า” ออกโรงเอง เร็วกว่ากำหนด ดังจะเห็นจากการเดินสายพบปะมวลชน ผู้สนับสนุนเพื่อปลุกเร้า และสร้างมั่นใจให้กลับคืนมา แต่อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะกาลเวลา และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่เขาห่างหายจากอำนาจรัฐมานาน และต้องหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม ฝ่ายตรงข้าม หรือคู่แข่งทางการเมืองก็กลายเป็นกลุ่มใหม่ อย่างพรรคก้าวไกล ที่รับมือยากกว่าเดิม แม้ว่าอาจมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน แต่ในทางการเมืองก็ต้องสู้กัน มันเป็นไฟต์บังคับอยู่แล้ว
หากเข้าใจว่าการเดินทางขึ้นเหนือกลับบ้านเกิดเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา เป็นการเริ่มต้นการเดินทาง เพื่อ “ทวงคืน” ทุกอย่างให้กลับมา แม้ว่าในความเป็นจริงกลับเห็นว่า “มันไม่เหมือนเดิม” ก็ตาม แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เขาต้องเร่งเกมให้เร็วขึ้น และอย่าได้แปลกใจที่นับจากนี้ไปจะเห็นนายทักษิณ ชินวัตร จะแสดงบทบาทอย่างชัดเจน ทั้งในฐานะเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง รวมไปถึงการกำกับรัฐบาลให้เข้มข้น และชัดเจนกว่าเดิม
การเข้าพรรคเพื่อไทย ในรอบเกือบยี่สิบปี เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ถือว่าไม่อ้อมค้อม แม้คนในพรรคจะประสานเสียงกันว่า “ไม่เกี่ยวกับการเมือง” ไม่มีการครอบงำพรรค ก็ว่ากันไป ก็คงมีคนเชื่ออยู่หรอก
โดยนายทักษิณ เดินทางเข้าพรรค ทำให้บรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สนับสนุนเดินทางมารอรับนายทักษิณตั้งแต่ช่วงเช้า เช่นเดียวกับบรรดาสส. ที่ทยอยเข้าพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่เวลา 10.00 น. อาทิ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ นายโกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรค
บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดเวลา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งรัฐมนตรีที่ลาราชการ ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายเสริมศักดิ์ พงษพานิช รมว.วัฒนธรรม มารอให้การต้อนรับนายทักษิณ ที่บริเวณชั้น 1 ตึก OAI รวมไปถึงบรรดา ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยที่มาต้อนรับกันอย่างพร้อมหน้า
เมื่อสอบถามว่า หลังจากนี้ นายทักษิณ จะเดินทางไปไหนต่อ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงแล้วแต่ท่าน ที่เคยเดินทางไปจ.เชียงใหม่ ท่านมีความสุข ที่ได้กลับบ้านเกิด แต่ในส่วนของที่อื่นๆท่านก็อยากไป แต่ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค หรือไปในนามพรรค ท่านได้พูดกับประชาชนมาโดยตลอด อยากไปเยี่ยมประชาชนที่เคยสนับสนุนท่าน ซึ่งวันนี้มีผู้สนับสนุนมาที่พรรคด้วย ไม่รู้ว่าท่านดีใจหรือไม่ แต่ส่วนตัวดีใจ
ถามว่า นายทักษิณ จะเดินทางเข้ามาพรรคเพื่อไทยบ่อยขึ้นหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงไม่ได้เข้าพรรคบ่อย แต่หลังจากนี้จะชวนมาดูห้องทำงานของตน ในฐานะลูกสาว ไม่ใช่ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะเราสนิทกันมาก เมื่อพ่อได้เห็นอะไรที่เป็นความเคลื่อนไหวของลูกว่าเป็นอย่างไรบ้าง ท่านก็ดีใจ
เมื่อถามว่านายทักษิณ จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือไม่ เพราะหากมาเช่นนี้ อาจถูกมองว่า เป็นคนนอกที่ครอบงำพรรค น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การจะสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แล้วแต่ท่าน คงตอบไม่ได้ ส่วนที่มองว่าจะมีการครอบงำนั้น คิดว่าคุณพ่อไปไกลกว่าเป็นสมาชิกพรรค ท่านสามารถเป็นที่ปรึกษา ทำประโยชน์ให้ประเทศได้ ไม่จำเป็นต้องปรึกษาแค่ในพรรคเพื่อไทย แต่รัฐมนตรี หากอยากปรึกษา สามารถทำได้ รวมถึงคนที่เชื่อในวิสัยทัศน์ท่านก็สามารถทำได้ นายทักษิณ เป็นที่ปรึกษาดิฉันมาทั้งชีวิต ตั้งแต่เด็ก ปฏิเสธไม่ได้ การจะบอก พ่อลูก แล้วมาครอบงำ คงไม่ใช่
เมื่อถามว่าหลังจากนี้ นายทักษิณ จะลงพื้นที่ช่วยสส.เพื่อไทย ในการทำคะแนนเสียงหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงไม่ได้ไปช่วยสส. แต่ไปพบประชาชนจริงๆ เพราะมีประชาชนอยากเจอพ่อ ในนาม ดร.ทักษิณ อดีตนายกฯ ที่เคยทำประโยชน์ให้กับเขา ไม่ได้เจอในนามของพรรค
ส่วนความคาดหวังว่า นายทักษิณ มาปรากฏตัว จะทำให้คะแนนของพรรคเพื่อไทยกลับมาดีกว่าพรรคก้าวไกล หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงแล้วแต่ประชาชนจะตัดสิน ส่วนที่มีกระแสข่าว นายทักษิณ จะไปเชียงใหม่อีกครั้ง ในช่วงสงกรานต์ ส่วนตัวยังถาม แต่ท่านยังไม่ได้บอก ยังไม่ได้คอนเฟิร์มว่า ท่านจะไปหรือไม่ เมื่อคอนเฟิร์มแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกที
เมื่อฟังจากคำพูดดังกล่าวของ น.ส.แพทองธาร ลูกสาว ทำให้มองเห็นได้ทันทีว่า อีกไม่นานจะได้เห็น นายทักษิณ เดินสายไปต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง และเป้าหมายต่อไปก็น่าจะเป็นภาคอีสาน ที่ถือว่าเป็นฐานเสียงหลักมาก่อนเช่นเดียวกัน โดยน่าจะเป็นจังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น เป็นต้น ขณะเดียวกันนับจากนี้ นายทักษิณ จะเข้าพรรคเพื่อไทยบ่อยขึ้น ในทางพฤตินัยก็คือเข้ามา “บัญชาการ” เต็มตัว
ดังนั้น เมื่อพิจารณากันตามรูปการณ์แล้วมันก็เห็นชัดเจนแล้วว่า งานนี้ นายทักษิณ ลงมาบัญชาการเองเต็มตัวแล้ว และยังเป็นการ “เปิดเกมเร็ว” แบบเทหมดหน้าตัก ไม่แคร์ใครอีกแล้ว เพราะทุกอย่างมันงวดเข้ามา บีบรัดเข้ามาเรื่อยๆ โดยเฉพาะความถดถอย ความเสื่อมศรัทธาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าส่วนสำคัญมาจากตัวเขานั่นแหละที่เป็นต้นเหตุหลักก็ตาม แต่สำหรับเขาแล้วคงไม่นั่งนิ่งยอมแพ้เป็นอันขาด เพราะเดิมพันสูง ถ้าพลาดทุกอย่างก็จบเห่ !!