เมืองไทย 360 องศา
แม้จนถึงนาทีนี้ จะมีเสียงยืนยันว่า นโยบายแจก “เงินดิจิทัล” หัวละหมื่นบาทยังคงเดินหน้า โดยจะมีการแถลงความชัดเจนภายในวันที่ 10 เมษายน และย้ำว่า จะแจกได้ภายในไม่เกินไตรมาสสี่ หรือปลายปีนี้ให้รอรับได้เลย
ก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงชี้แจงไทม์ไลน์โครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยระบุว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการสอบถามความจริงได้ดำเนินการใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เตรียมนัดหมายเพื่อเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ โดยวันที่ 27 มี.ค.67 นัดหมายประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้คณะอนุกรรมการสอบถามความจริงรายงานความคืบหน้า กรณีที่องค์กรต่างๆ มีคำตอบกลับมาจากที่ถามไปกว่า 100 หน่วยงาน
ทั้งหน่วยงานวิชาการ ภาคประชาชน กลุ่มหอการค้า และสภาอุตสาหกรรม ซึ่งมีการตอบกลับมาอย่างครบถ้วน พร้อมนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างเป็นทางการเข้าสู่ที่ประชุม ให้ที่ประชุมรับทราบ และมอบหมายนำเสนอโดยกระทรวงการคลัง ก่อนจะมอบหมายให้แต่ละส่วนงานไปดำเนินการตามรายละเอียด และกำหนดนัดคณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้ง ในวันที่10 เม.ย.นี้ โดยจะมีการสรุปรายละเอียดโครงการ และเงื่อนไขทั้งหมด เพื่อส่งต่อให้ ครม.พิจารณาความเห็นชอบและเดินหน้าต่อ
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ไตรมาส 3 ของปีนี้ จะเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้า และประชาชน เพราะระบบพร้อมแล้ว ส่วนไตรมาส 4 ของปีนี้ หรือก่อนสิ้นปีจะเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ถึงมือประชาชนทุกคนตามกรอบที่ได้กำหนดไว้
ส่วนแหล่งที่มาของเงิน ขอให้รอผลประชุมคณะกรรมการฯ ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการแน่นอน เงินถึงมือประชาชนภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขต่างๆ ยังเป็นไปตามกรอบเดิม คือ ไม่ได้ลดจำนวนกลุ่มเป้าหมาย 50 ล้านคน และใช้ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงการคลัง ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินในโครงการนี้ โดยให้รอการแถลง
“คุณก็ยังจะพูดให้สับสนตลอดเวลา เดี๋ยวคอยฟังแถลงก่อนได้ไหม” เมื่อถามย้ำว่า เหลือเวลาอีกกี่สัปดาห์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ก็ตามที่แถลงไป อย่าให้มีการสับสนเลย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ดี นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อธิบายว่า โดยหัวใจของนโยบายเรื่องนี้ คือแหล่งเงิน ซึ่งมีทั้งงบประมาณแผ่นดิน หรือแหล่งอื่นที่เปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ จึงขอให้ทุกคนใจเย็น รอฟังรายละเอียดอีกครั้ง ในวันที่ 10 เม.ย. ยืนยันว่า รัฐบาลมีทีเด็ด ในการบริหารจัดการใช้จ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ขอย้ำว่า เรื่องนี้ทำได้แน่นอนและการดำเนินการเป็นไปโดยชอบตามกฎหมาย และมีความจำเป็นต้องทำเพราะตอนนี้มีวิกฤตกำลังซื้อ ดังนั้นการที่บอกว่า นโยบายนี้ไม่ตรงปก อยากให้กลับไปดูในคำแถลงที่ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง และขอให้ทุกคนรอดูจนสิ้นกระแสความก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์อะไร ส่วนขั้นตอนต่างๆ เชื่อว่าจะมีการชี้แจงรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ
อย่างไรก็ดี คำยืนยันดังกล่าวเชื่อว่าไม่น่าจะสร้างความมั่นใจได้มากนัก เพราะการที่บอกว่าจะมีการแถลงความชัดเจนในวันที่ 10 เมษายน และเริ่มแจกเงินดิจิทัลตั้งแต่ ไตรมาส 4 เป็นไปหรือภายในไม่เกินสิ้นปีนี้ มองอีกด้านหนึ่งเหมือนกับซื้อเวลาไปเรื่อยๆ และที่สำคัญในเรื่อง “ที่มาของเงิน” นั้นก็ยังไม่มีความชัดเจน
หลังจากก่อนหน้านี้บอกว่า จำเป็นต้องออกเป็นพระราชบัญญัติกู้เงิน 5 แสนล้านบาท แต่หลังจากถูกทักท้วงคัดค้านก็เงียบเสียงลงไป หลังจากนั้นก็เริ่มมีเสียงว่าอาจใช้เงินงบประมาณ แต่ก็น่าจะมีปัญหาความผิดเกี่ยวกับนโยบายหาเสียงเลือกตั้งที่เคยแจ้งกับคณะกรรมการการเลือกตั้งที่บอกว่า จะไม่ใช้เงินงบประมาณ ทำให้ทุกอย่างยังไม่เคลียร์ และไม่เคยมีคำอธิบายให้ชัดเจน มีแต่คำยืนยันว่า “แจกแน่” แต่ที่ผ่านมา ก็เลื่อนมาตลอดเวลา
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหลายคนมองออกได้ไม่ยากว่า สาเหตุที่ล่าช้าจนมีแนวโน้มสูงมากว่าไม่อาจไปต่อได้ในที่สุด นอกจากมีความเสี่ยงทำผิดกฎหมาย เสี่ยงคุกตะรางกันยกก๊วน และปัญหาในเรื่องที่มาของเงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวแล้ว เสียงคัดค้านจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญรอบทิศ รวมไปถึงเสียงท้วงติงว่าได้ไม่คุ้มเสีย
แต่ขณะเดียวกันหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หาเสียงเอาไว้ นั่นคือ “ไม่ได้แจก” หรือว่า “แจกไม่ได้” รับรองว่า ความเสียหายจะย้อนกลับมาที่พรรคเพื่อไทย และรัฐบาล รวมไปถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าจังเบอร์ เพราะอย่างที่รู้กันว่านี่คือนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย หากทำไม่ได้ มันก็ย่อมเสียหายทางการเมืองตามมาแบบเหลือคณานับแน่นอน
เพราะเมื่อพิจารณากันตามรูปการณ์แล้ว โอกาสที่จะสามารถแจกเงินดิจิทัลแล้วแทบเป็นไม่ได้เลย เนื่องจากมีปัญหาเรื่อง “แหล่งที่มา” ของเงินว่าจะเอามาจากไหน เพราะขยับไปทางไหนล้วนติดขัดไปหมด โดยเฉพาะเรื่องความเสี่ยงทำผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีเสียงเตือนออกมารอบทิศ โดยเฉพาะจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จนรัฐบาลต้องเงียบไปพักใหญ่
แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อเป็นนโยบายหลัก มีการรับปาก มีการโปรโมตกันอย่างเอกเกริก มันก็เลี่ยงได้ยากเหมือนกัน เหมือนกับคราวนี้ ยังถูกตั้งคำถามกันไม่เลิก ทั้งสื่อและประชาชนทุกครั้งที่พวกเขาเดินสายไปตามต่างจังหวัด หากเลี่ยงไม่ออกก็ตอบคำถามในแบบเอาหน้ารอด เช่น “ได้แน่ รอก่อน” อะไรประมาณนั้น เหมือนกับตอนนี้ ที่บอกว่าให้รอวันที่ 10 เมษายน และแจกเงินภายในปีนี้
ความหมายก็คือในวันที่ 10 เมษายนดังกล่าว ที่บอกว่าจะแถลงให้ทราบชัดเจนนั้น ก็น่าจะ “ไม่ชัดเจน” เช่นเดิม โดยให้รอไปช่วงก่อนสิ้นปี หรือสิ้นปี หากดักคอกันล่วงหน้า มันก็เหมือนกับการซื้อเวลาไปเรื่อยๆ แบบรอจังหวะหาทางลงแบบเนียนๆ
เพราะหากไม่มีปัญหาสามารถหาแหล่งที่มาของเงินสำหรับใช้ตามโครงการจำนวน 5 แสนล้านบาทได้จริง รัฐบาลต้องดำเนินการไปตั้งแต่เดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ไปแล้ว คงไม่รอถึงตอนนี้ และปัญหาหลักๆ ก็คือ “ต้องกู้มาแจก” นั่นเอง เพราะเสี่ยงผิดกฎหมาย แต่ขณะเดียวกัน หากดำเนินการไม่ได้ตามที่พูดเอาไว้ ผลกระทบก็จะตามมาใหญ่หลวง ถึงขั้นหายนะเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือ “ซื้อเวลา” ไปจนถึงที่สุดเท่านั้น!!