เริ่มแล้ว สว.ซักฟอกรัฐบาล “เสรี” เปิดฉากขยี้ “เศรษฐา” แทนที่จะรีบเปิดเวทีให้ สว.ชี้ถึงปัญหา กลับดึงเชงไว้ 2 เดือน บินว่อนต่างประเทศ ทำตัวเหมือนเซลล์แมนแย่งซีน“ภูมิธรรม” ร่อนไปทั่ว โผล่เชียงใหม่นั่งจิบไวน์ ทามกล่างฝุ่นพิษ ปล่อยฝ่ายค้าน แย่งดับไฟป่าตัดหน้า อัดปล่อยละเลยปัญหาสารพัด มีผลงานดีเด่นเรื่องเดียวช่วยคนทำผิดไม่ต้องรับโทษ ทำลายกระบวนการยุติธรรมไทย แขวะขอให้อยู่ครบ 4 ปี ไม่ใช่มีข่าวถูกเลื่อยขาเก้าอี้ทุกวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(25 มี.ค.) เวลา 09.00 น. ได้มีการประชุมวุฒิสภา (สว.) วาระการอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. และคณะเป็นผู้เสนอ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ซึ่งเป็นการอภิปรายครั้งแรกของ สว. ชุดนี้
ก่อนที่จะเข้าสู่วาระการอภิปราย โดยนายเสรี แถลงเปิดอภิปรายว่า การอภิปรายครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของรัฐบาล ซึ่งตนอยากให้เป็นแนวทางปฏิบัตินายกต่อๆไปว่าดูเหมือนจะมีการพูดว่าการเปิดอภิปรายเป็นการซักฟอก ล้มล้างรัฐบาล ทำให้รัฐบาลเสียหาย ทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้ายื่นขอเปิดอภิปราย เพราะเกรงจะกระทบต่อพรรคพวกตัวเอง ต่อคนมีอำนาจ ทำให้การทำงานในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด
“กว่าจะได้สมาชิกลงชื่อถึง 90 คน ไม่ใช่เรื่องง่าย ฝ่ายรัฐบาลเองก็ออกมาบอกว่าลงชื่อไม่ครบไม่มีใครอภิปราย กลายเป็นเหมือนยาหม้อดำ ที่ไม่อยากให้พูดถึง ฉะนั้น สิ่งที่วุฒิสภาชุดนี้เสนอญัตติต่อท่านประธาน เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีมาพูดคุยกันในสภาแห่งนี้ เป็นการแก้ปัญหาของประเทศ ไม่มีเจตนา ไม่มีอคติ ไม่มีการที่จะพูดให้เกิดความเสียหาย ถ้าเกิดรัฐบาลคิดได้ดังนี้ การเปิดอภิปรายครั้งนี้ก็คงที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว ฉับพลัน เข้าเป็นเรื่องปัญหาของการบริหารราชการแผ่นดิน“
นายเสรีกล่าวว่าการอภิปรายนี้เป็นการทำให้การทำงานของวุฒิสภาเองที่ทำตามรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้อภิปรายแบบนี้ปีละ 1 ครั้ง ผมจะขอทักท้วงว่าต้องรีบเปิดประชุม และรีบมาฟัง แต่รัฐบาลกลับใช้เวลาเกือบ 2 เดือน กว่าจะกำหนดวัน และแทนที่จะเปิดให้พูดเต็มที่กลับให้เวลาแค่วันเดียว แสดงให้เห็นความจริงใจของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหานั้นมีมากน้อยแค่ไหน
นายเสรีกล่าวว่าเวลาที่มีการขอเปิดอภิปราย อย่ามองในแง่ร้าย ให้มองว่าเป็นประโยชน์กับประเทศ แต่รัฐบาลกลับเอาเวลาไปใช้กับสิ่งที่สำคัญนกว่าเช่นเอาเวลาเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง เอาเวลาไปเชียงใหม่ นั่งกินอาหารจิบไวน์ ทั้งที่ฝุ่นเต็มเมืองเชียงใหม่ ตนยอมรับว่าเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่กำลังจะชี้ให้เห็นว่าท่านใช้เวลาเหล่านี้ โดยไม่ให้ความสำคัญกับการมารับฟังว่าการบริหารแผ่นดินมีปัญหาอะไร แต่กลับไปสู่ฝุ่นควันที่เชียงใหม่ ทำให้พรรคฝ่ายค้านออกไปแสดงบทบาทชิงตัดหน้า ออกไปตรวจดูไฟไหม้ป่าต่างๆ สิ่งเหล่านี้สำคัญ เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องรับฟัง แต่กลับไปทำเรื่องอื่นที่สำคัญน้อยกว่า
“ก่อนหน้าผมเป็นห่วงว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่ไม่ถึงวันที่ 25 มี.ค. นี้ แต่สิ่งที่ภาวนานั้นเป็นผล นายกรัฐมนตรีมาประชุมร่วมกันกับ สว.ถือว่าเป็นประโยชน์"
นายเสรี ย้ำว่า สาเหตุที่เปิดอภิปราย ตนขอออกตัวว่า สว.ชุดนี้ แม้ว่าจะมาจากการแต่งตั้งแต่ก็มาจากระบบ และเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศ สว. ในห้องนี้ เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ พบปัญหาบ้านเมืองมากมาย เขาจัดทำรายงานเสนอรัฐบาล แล้วรัฐบาลได้หยิบยกประเด็นปัญหาของรายงานที่วุฒิสภาได้จัดทำมาพิจารณาบ้างหรือไม่
สิ่งแรกที่นึกถึงตอนขอเปิดอภิปราย คือเรื่องการหาเสียงของพรรคการเมืองแต่ละพรรค มีคนสงสัยว่าทำไมเปิดรัฐบาลนี้ รัฐบาลก่อนไม่เปิด ตนต้องกราบเรียนว่าตนอยากให้เปิดปีละครั้งทุกปี แต่มาตกผลึกในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ย้ำว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน สว. ต้องการให้รัฐบาลที่มั่นคง สร้างความยั่งยืนมั่งคั่งให้ประชาชน ท่านพูดถึงการกินดีอยู่ดีแต่ ขณะนี้ผ่านมา 6 เดือน ยังไม่สามารถทำอะไรให้เป็นรูปธรรม บอกแต่เพียงว่าทำไม่ได้ต้องรอกฎหมายงบประมาณที่ยังไม่ออก กลายเป็นข้อแก้ตัว ตนเรียนว่าแม้กฎหมายงบประมาณยังไม่ออก แต่การบริหารประเทศไม่ได้หยุด เพราะรัฐธรรมนูญม. 141 บัญญัติไว้ให้ใช้กฎหมายงบประมาณเดิมไปพรางก่อนได้โดยให้อยู่ในกรอบ ไม่ให้เกินวงเงินดังกล่าว และยังมีงบกลางอีกมากมายที่สามารถ มาแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
ท่านตั้งใจแต่จะแจกเงินดิจิตอลซึ่งก็มีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย วินัยการเงิน การคลัง ที่หลายองค์กรทักท้วงว่าการแจกเงินดังกล่าวทำไมไม่แจกเงินสด การแจกเงินดิจิตอลเป็นการทุจริตได้ง่าย และยังไม่รู้ว่าจะเอามาจากไหน ก็ต้องกู้มาอีกประชาชนได้คนละไม่เกิน 1 หมื่นบาท ขอถามรัฐมนตรีทุกท่านว่า ถ้าแจกคนละ 1 หมื่นบาทไปแล้ว ใช้เงินดังกล่าวได้ไม่ถึงเดือน แต่เงินที่ต้องไป ก่อหนี้กู้มาใช้จ่าย 5แสนกว่าล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาลไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่ต้องการ กลับกลายเป็นการกระตุ้นความลำบากยากจนให้กับประชาชนมากเพิ่มขึ้น
“การใช้เงินไม่ใช่ปัญหา แต่ สว. อยากเสนอว่าทำอย่างไรให้คนมีกิน ท่านลองเปิดโรงทาน โรงอาหาร ทุกวัด ทุกมัสยิด ให้คนไม่มีกิน ไม่มีช่องทางรายได้เข้าไปกิน เขาก็จะมีกินทุกมื้อ คนรวยก็จะไปทำบุญ และเป็นการต่อเงิน” นายเสรี กล่าว
นายเสรียังกล่าวถึงการแก้ปัญหาแแบบจัดอีเวนต์ ตนดูข่าว ไปทำแถลงข่าวที่ห้าง แล้วคนจนได้ประโยชน์หรือไม่ หรือจะแก้ปัญหาปากท้อง ก็ต้องดูว่าทำอย่างไรให้มีรายได้มั่นคง ยั่งยืน
“ไม่ใช่ว่าท่านนายกฯไปต่างประเทศ แล้วทำตัวเป็นเซลล์แมน จริงๆเซลล์แมนไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่ถ้านายกใหม่ต้องไปแบบ CEO ผู้บริหารระดับสูง ส่วนเซลล์แมนให้ท่านภูมิธรรม เพราะท่านดูพาณิชย์ อันนี้มันกลับหัวกลับหางกันไปหมด ไปๆมาๆ รัฐมนตรีหลายท่านก็ออกมาเชียร์กันยกใหญ่ แต่ผลที่ออกมาไม่ได้ประโยชน์ ในภาพรวมอย่างเต็มที่” นายเสรีกล่าว
นายเสรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีแต่แถลงไว้แต่ไม่เป็นรูปธรรม ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อย่างเรื่องแก้หนี้นอกระบบ ลองไปถามตำรวจว่าแก้ได้กี่คน ไม่มีใครกล้ามาเพราะเจ้าหนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพล นอกจากนี้ยังมีเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่เป็นเรื่องใหญ่ ที่ตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องสร้างมาตรฐานมาตรการของการที่จะให้พี่น้องประชาชนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรมด้วยกันแต่ปรากฏว่าผลงานดีเด่นของรัฐบาลที่ทำอยู่มีความชัดเจน มันมีความโดดเด่น สามารถทำให้ประสบความสำเร็จ
”ผมดูแล้วด้วยความเคารพ มีอยู่เรื่องเดียว เรื่องช่วยคนทำผิด ยังไม่ต้องรับโทษ ให้หน่วยงานกรมราชทัณฑ์ มีการออกระเบียบหลายฉบับ เพื่อคนไม่ให้รับโทษ แม้กระทั่งศาลพิพากษามาแล้ว แต่กรมราชทัณฑ์เองกลับไปออกระเบียบ เอื้อประโยชน์ต่อบางคน ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย อันนี้โดดเด่น เป็นผลงานรัฐบาล เป็นผลงานนายกฯ แต่กระบวนการยุติธรรมเสียหาย ใครๆ ก็ไม่อยากติดคุก ผมเข้าใจ แต่เราต้องใช้กระบวนการที่เป็นธรรมที่ถูกต้อง ถ้านายกฯ บอกว่าเป็นการทำตามกฏหมาย แต่กฎหมายที่เอามาใช้ออกมาแล้วออกมาแล้ว เหมาะสมหรือไม่” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวว่า ออกกฎหมายกันเอง แล้วบอกว่าปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนั้น จึงต้องทักท้วงว่าเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ กลายเป็นทำเพราะอำนาจ ทำเพราะความยิ่งใหญ่ว่ากลับมาประเทศไม่ติดคุกสักวันเดียว
“ผมภาวนาให้ท่านนายกฯ อยู่ครบ 4 ปี ไม่ใช่ว่าจะเป็นข่าวถูกเปลี่ยนทุกวัน ทุกวี่ทุกวัน ถูกเลื่อยขาเก้าอี้ทุกวัน ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ด้วยความเคารพ” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวอีกว่าทุกวันนี้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เพราะการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมไม่ถูกต้อง จับบ่อนใหญ่ที่สุดที่บางใหญ่ จว.นนทบุรี ซึ่งการตั้งบ่อนตำรวจต้องรู้แล้ว แต่กลับปล่อยให้ทำมาหากินมีรายได้ แล้วไปไล่จับ ตนถามว่าเปิดขนาดนี้ ตำรวจไม่รู้เหรอ เหมือนยาเสพติด ตำรวจรู้ว่าขายที่ไหน แต่นายกฯ ปล่อยปะละเลยให้เรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้น เท่ากับคนที่ทำ ก็รู้เห็นเป็นใจ เล่นละครไปจับ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ ที่จริงต้องปรับปรุง แต่กลับตั้งข้อสังเกตว่ามาจากรัฐประหาร ตนขอย้ำว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต้องเอาไปใช้ ไม่ใช่ตั้งแง่รังเกียจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงที่นายเสรีอภิปรายนั้น ช่วงที่กล่าวถึงการเดินทางไปต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีแอบอมยิ้มหลายครั้ง ก่อนที่จะลุกออกไป และกลับมาชี้แจง หลังจากนายเสรีแถลงเปิดอภิปราย
สำหรับการประชุมในวันนี้มี สว. ลงชื่ออภิปรายจำนวน 27 คน กรอบเวลา 11 ชั่วโมง 20 นาที คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเวลา 24.00 น. ภายใต้ปัญหาสังคม 7 ด้าน ได้แก่ 1. ปัญหาด้านเศรษฐกิจ 2.ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย 3.ปัญหาด้านพลังงาน 4.ปัญหาด้านการศึกษาและสังคม 5.ปัญหาด้านการต่างประเทศและท่องเที่ยว 6.ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 7.ปัญหาการปฏิรูปประเทศ และการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ