ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ปม "โคตรบ่อน"!! "เสี่ยหนู" กล้ามั้ย กวาดขยะมหาดไทย!? "ชาดา" ปากแห้ง ไม่พูด
จากกรณีบุกจับบ่อนบางใหญ่ที่ "โคตะระใหญ่" ด้วยเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้าน ซึ่งทำให้ตำรวจถูกเด้งไปตามระเบียบ ขณะที่ฝ่ายปกครองมหาดไทย แม้จะยังไม่มีใครถูก "เซ่น" ตั้งแต่ผู้ว่าฯ , ปลัดไปจนถึง รมต.พรรคภูมิใจไทย ต่างว้าวุ่นหนัก จากสารพัดข่าวที่แพร่สะพัดม้วนเอาไปเกี่ยวโยง !?
“สุธี ทองแย้ม” ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี แจ้งความ “นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ” ส.ส. พรรคก้าวไกล โทษฐานหมิ่นประมาท ที่กล่าวหา ผู้ว่าฯ สั่งคนให้หิ้วปีก สส.ก้าวไกล ออกจากที่เกิดเหตุ
ตามมาด้วยวันก่อน "ปลัดเก่ง" สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัว Suttipong Juljarern พร้อมภาพการพาดหัวข่าวที่ระบุว่า มีนักการเมืองระดับรัฐมนตรี เล่นเสีย 15 ล้านบาท ไม่สามารถขอเครดิตเคลียร์เงินได้
จึงแจ้งเบาะแสกระทรวงมหาดไทยวางแผนจับกุม โดย “สุทธิพงษ์” ตัดพ้อว่า ตั้งใจจะอยู่นิ่งๆ เพราะไม่อยากซ้ำเติมหน่วยราชการที่ปล่อยปละละเลยจนมีบ่อนขนาดใหญ่ แต่สังคมไทยทำไมช่างมโนกันได้ถึงขนาดนี้
ปลัดมท.บอกว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมการปกครอง ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามเบาะแส ที่จังหวัดนนทบุรี แจ้งมา เป็นระยะเวลาร่วมเดือน จึงสามารถแทรกซึมเข้าไปฝังตัวในบ่อนนี้ได้ จนเป็นที่มาของการเข้าจับกุมได้ บ่อนใหญ่แน่นหนาขนาดนี้ ยากมากจะแทรกซึมเข้าไปเพื่อควบคุม และเปิดทางให้กำลังในเครื่องแบบเข้าจับกุม
ส่วน "ชาดา ไทยเศรษฐ์" ส.ส. อุทัยธานี และรมช.มหาดไทย ที่ไปร่วมงานประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2567 พรรคภูมิใจไทย พอถูกสื่อถามถึงกรณี "สันธนะ ประยูรรัตน์" อดีตตำรวจสันติบาล ออกมาแฉพาดพิงเชื่อมโยงบ่อนบางใหญ่ “ชาดา” กล่าวเพียงว่า ปากแห้ง ถือศีลอด ไม่อยากพูด!
เมื่อ"ชาดา"ไม่พูด ก็ดูทรงเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังชีวิตจบไม่ลงซะแล้ว
แม้ “ชาดา” จะไม่ให้ราคา "สันธนะ" ถึงขั้นตั้งข้อรังเกียจอีกฝ่าย แค่ "ขี้กลาก" แต่ปมความสัมพันธ์ระหว่าง “ชาดา”กับ "เสี่ยนกเขา" หนึ่งในหุ้นบ่อนบางใหญ่ ที่ สันธนะ เปิดก่อนได้ปูดก็ทำให้สังคมเงี่ยหูรอฟัง รมช.มหาดไทย จะว่าอย่างไร
ฟังว่าที่ “ชาดา” ไม่ร้อนใจในเรื่องนี้ แถมยักไหล่ โนสน-โนแคร์ เสียด้วยซ้ำ เพราะคนในแวดวงบ่อนรู้ดี ว่า "เสี่ยนกเขา"เป็นคนประเภทชอบพูดอวดอ้าง รู้จักก็ส่วนหนึ่ง แต่เสี่ยนกเขา จะชอบเที่ยวโพนทะนาว่า "แนบแน่น" กับคนนั้น คนนี้เสมอ เป็นเรื่องที่เป็น "นิสัยถาวร" ของเสี่ยอยู่แล้ว
ที่เป็นเช่นนี้ อีกส่วนหนึ่งเพราะ "เสี่ยนกเขา" ถูกกำหนดบทให้อยู่ในฐานะหัวเรือใหญ่ ด้วยหุ้นส่วนคนอื่นๆ ซึ่งจริงๆ ล้วนแต่เป็น "ขาใหญ่" ทั้งอดีตนายพลตำรวจนอกราชการก็มี เห็นว่า "เสี่ยนกเขา"จะเอาตัวรอดได้ ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้
แน่นอนว่า เมื่อบ่อนโดนทลาย “สันธนะ” ที่หิวแสงอยู่แล้ว ย่อมไม่พลาดที่จะกระโจนร่วมวงเอาแสง ความสัมพันธ์ระหว่าง “เสี่ยนกเขา” กับ “ชาดา” จึงถูกจี้ ขยี้ให้เกิดข้อสงสัย
ดังประเด็นที่ รมต.เล่นเสีย 15 ล้าน แค้นที่บ่อนไม่ให้เครดิต เลยตลบหลังแจ้งฝ่ายปกครอง "ลูกพี่หนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บุกจับทำผลงานก็เป็นอีกเรื่อง ที่ลือกันหนัก
เล่นเอา "อนุทิน ชาญวีรกูล" ออกมาสวนกลับ "สันธนะ" ว่า เพ้อเจ้อ!
ขณะที่ “สันธนะ” ก็เอาคืน “ชาดา”ที่ด้อยด่า ดูถูกเหยียดยามด้วยการแจ้งความ รมช.ชาดา
เรียกว่า งานนี้ อีรุงตุงนัง นัวเนียกันไปหมด
ว่าไปแล้วก็น่าสนใจ ข้อหา “ปล่อยให้เปิด” แล้วทำไมมาจับเอาตอนนี้?!
มีข้อมูลเชิงลึกประมาณว่า ช่วงโคตรบ่อนบางใหญ่ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมนั้น "ปลัดเก่ง" สุทธิพงษ์ จุลเจริญ เคยสอบถามไปที่จังหวัดนนท์ หลายครั้ง
แม้แต่ในการกระชุม ผวจ.ทั่วประเทศ ในแต่ละครั้งเพื่อรับทราบนโยบายไม่ให้ละเลยบ่อนการพนันขนาดใหญ่ “สุทธิพงษ์” มักสอบถาม และเน้นไปที่จังหวัดนนทบุรี แต่คำตอบจะเป็นอย่างไร ทำไมจึงลุกลามจนกลายเป็นข่าวใหญ่ ของแบบนี้เชื่อว่า ทั้งปลัด มท. กับพ่อเมืองนนทบุรี ต่างก็มีคำตอบในใจกันอยู่
ดังนั้น ปฏิบัติการลุยโคตรบ่อนที่เกิดคำถามว่า “ปล่อยให้เปิด” แล้วทำไมถึงจับเอาตอนนี้ อาจเป็นไปได้ว่า เพราะทุกคนรู้ ทุกคนเก็บความลับอยู่ ข่าวจึงไม่รั่ว ไม่มีการส่งซิก หรือเว้นวรรค เพราะข้าราชการประจำ บางคนเขามีจิตวิญญาณเหนือนักการเมือง!
หลังเกิดเรื่อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ปัดกวาดบ้านตัวเองไปบ้างแล้วจากคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.จังหวัดนนทบุรี เหลือเพียง พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 ซึ่งจะอยู่ในข่ายด้วยหรือไม่นั้น สามารถออกได้ทั้งหัวและก้อย
งานนี้เหลือแต่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่กำลังอีนุงตุงนัง และอาจเป็นประเด็นไปสู่การอภิปรายของฝ่ายค้านรวมทั้งการปรับคณะรัฐมนตรี ด้วยเหตุโคตรบ่อนบางใหญ่พ่นพิษ หรือไม่ คอการเมืองเตรียมปูเสื่อรอชมได้เลย
แต่ก่อนไปถึงคิวรัฐมนตรี ซึ่งยังไม่รู้หมู่จ่า ก็ควรเป็นคิวของผู้เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่
ขอย้ำว่าตำรวจเขาได้จัดการในส่วนของเขาแล้วแต่กระทรวงมหาดไทยจะเอาไงกัน ทั้งจังหวัดและอำเภอ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนปกครอง
หากไม่ผิด ไม่บกพร่อง ก็ควรชี้แจงให้สังคมรับทราบ หรือผิด มีความบกพร่อง ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ก็ต้องจัดการ
อย่าบอกว่า "หนูไม่รู้"
ทั้งระดับจังหวัด กับ อำเภอบางใหญ่ กาสิโน ก็คงไม่ใช่ "พ่อง-แม่ง" ใครในกระทรวงมหาดไทย...ใช่ไหม เสี่ยหนู!!??
**ก้าวไกล เตรียม“พรรคก้าวใหม่” ไว้รองรับเมื่อถูกยุบ ส่วน“พรรคเสี่ยหนู” ปรับโครงสร้างใหม่ “ลูกชายเนวิน” นั่งเลขาฯพรรค
แม้ผลสำรวจ “นิด้าโพล”ล่าสุด จะบอกว่า คนที่ประชาชนอยากสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดในตอนนี้ คือ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และพรรคการเมืองที่อยากสนับสนุนมากที่สุดคือ “พรรคก้าวไกล”
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้พรรคก้าวไกล ถูก กกต. ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค จากเรื่องแก้ ม.112 ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ว่า เป็นการล้มล้างการปกครองฯ... ถ้ามีการยุบพรรคก้าวไกล “พิธา” ก็ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคในขณะนั้น
ถามว่า พรรคก้าวไกลมีโอกาสถูกยุบ มากแค่ไหน ก็ต้องบอกว่า “สูงมาก” แม้แต่คนของพรรคก้าวไกลเอง ก็รู้ชะตากรรมว่าคงไม่รอดแน่ จึงได้เตรียมพรรคใหม่ไว้รองรับแล้ว
ส่วนชื่อพรรคที่เลือกไว้มี 2 ชื่อ คือ “อนาคตไกล” และ “ก้าวใหม่” แต่เมื่อไปเช็กดูจาก กกต. ปรากฏว่า ชื่อ “อนาคตไกล” มีผู้นำไปจดเเจ้ง ตั้งเป็นพรรคการเมืองแล้ว โดยผู้ก่อตั้งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคก้าวไกล
ดังนั้น ชื่อ “ก้าวใหม่” จึงน่าจะถูกนำไปตั้งเป็นพรรคทายาทของพรรคก้าวไกล
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ถูกยื่นยุบพรรคเช่นกัน จากกรณีรับเงินบริจาค จาก “หจก.บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น” ซึ่งถูกมองว่าเป็นนอมินี ของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตอนนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต. ยังไม่ได้สรุปว่า จะยื่นให้ศาลรธน. พิจารณายุบพรรค หรือไม่
แต่แหล่งข่าวระดับสูงใน กกต. ปูดว่า กรณีพรรคภูมิใจไทย ถ้าจะถูกยุบก็ต้องเข้า 1 ใน 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. วิธีรับเงินบริจาค ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เหมือนกรณีพรรคอนาคตใหม่ กู้เงิน 2. คนให้ไม่มีคุณสมบัติ หรือคุณสมบัติต้องห้าม และ 3. ที่มาของเงินถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
แหล่งข่าวบอกว่า ข้อ 1 และข้อ 2 ไม่มีปัญหา เหลือแต่ข้อ 3 ว่า ที่มาของเงินถูกต้องหรือไม่ แต่กกต.ไม่ได้มีหน้าที่ในการชี้ว่า เงินนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ คนที่มีอำนาจชี้ คือ ศาล , สำนักงาน ป.ป.ง. ,สำนักงาน ป.ป.ส. หากชี้มาวันไหน ทางกกต. ก็สามารถดำเนินการต่อได้ในวันนั้น ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ แล้ว กกต.จะไปชี้ว่าเงินนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แต่ตอนนี้ยังไม่มีคนนำเรื่องไปร้องต้อศาล จึงยังไม่มีมีการชี้ว่าเงินนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งกกต.จะไปฟ้องร้เองเองก็ไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจให้ทำเช่นนั้นได้
พอจะเห็นแล้วใช่ไหมว่า อนาคตของพรรคภูมิใจไทย จะออกหัวหรือออกก้อย ถ้าเรื่องยังติดแหงกอยู่ในชั้น กกต.
ทางพรรคภูมิใจไทย ก็คงจะได้รับรู้ถึงสัญญาณนี้ จึงได้มีการปรับโครงสร้าง ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ โดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” ยังเป็น หัวหน้าพรรค ส่วนรองหัวหน้าพรรค 3 คน ได้แก่ “สุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล” สส.พระนครศรีอยุธยา “ภราดร ปริศนานันทกุล” สส.อ่างทอง และ “สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ” สส.ศรีสะเกษ
เลขาธิการพรรค ได้แก่ “ไชยชนก ชิดชอบ” ส.ส.บุรีรัมย์ ลูกชาย “เนวิน ชิดชอบ” รองเลขาธิการพรรค 3 คน “เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์” สส.อุทัยธานี “ภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์” สส.พิจิตร “พิมพฤดา ตันจรารักษ์” สส.พระนครศรีอยุธยา
“ศุภมาส อิศรภักดี” เป็น เหรัญญิกพรรค “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นนายทะเบียนพรรค
และ กรรมการบริหารพรรค 6 คน ประกอบด้วย “กรวีร์ ปริศนานันทกุล” สส.อ่างทอง “วรศิษฏ์ เลียงประสิทธิ์” สส.สตูล “ชลัฐ รัชกิจประการ” สส.บัญชีรายชื่อ “ธนยศ ทิมสุวรรณ” สส.เลย “จักรกฤษณ์ ทองศรี” สส.บุรีรัมย์ และ “กิตติ กิตติธรกุล” สส.กระบี่
ส่วนทีมโฆษกพรรค 3 คน เป็นโฆษกพรรค 2 คน ได้แก่ “แนน บุณย์ธิดา สมชัย” สส.อุบลราชธานี และ “ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ” สส.สงขลา ส่วน “ผกามาศ เจริญพันธ์” สส.สุรินทร์ เป็น รองโฆษกพรรค
จะเห็นได้ว่า คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่นี้ ล้วนเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ เป็นทายาทของพวก “บ้านใหญ่” ในจังหวัดต่างๆแทบทั้งสิ้น
ซึ่งก็เป็นไปตามสไตล์การสร้างพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว คือ กวาดต้อนบ้านใหญ่มาเข้าพรรค ใช้อิทธิพลท้องถิ่นในการเลือกตั้ง ใครทำได้ตามเป้า เอาเก้าอี้รัฐมนตรีไป