ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ฟ้าผ่าคู่รักการละคร "ต่อ-โจ๊ก" ทั้งที่เพิ่งโชว์หวานเจี๊ยบ “เศรษฐา” จัดให้ เด้งเข้ากรุ! ตั้ง "ปลัดฉิ่ง –วินัย ทองสอง" สอบคดีเอี่ยวเว็บพนัน”
ภาพนั่งคู่ปรองดอง ป้อยอคำหวานซึ่งกันและกันระหว่างสองนายตำรวจใหญ่ "ต่อเฟรนด์ลี่" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และ "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกสื่อใครไม่รู้เบื้องหลังก็ต้องชื่นชมให้เป็น "คู่รัก" แห่งปี
ทางกลับกัน มีชาวบ้านร้านตลาดที่รู้แบ็กกราวน์ก็ทนฉากหวาน "การละคร" แทบไม่ไหว แทบจะถอดรองเท้าเขวี้ยงทีวีที่นั่งดูถ่ายทอดสด
เห็นประชาชนกินหญ้าหรืออย่างไร !? ...คณะตลกนี้เล่นกันสองคนหรือ ...ฝนตกขี้หมูไหล...คนอะไรมารวมกัน!?
สารพัดถ้อยคำที่กระหน่ำพิมพ์รัวๆ เข้าไปแสดงความเห็นในโซเชียลฯ ซึ่ง 99% มองปรากฏการณ์ "ต่อ-โจ๊ก" แสดงหน้าจอ เป็นยิ่งกว่าละครน้ำเน่า
เพราะ สิ่งที่สังคมอยากจะรู้ ไม่ใช่ใครขัดแย้งใคร ใครจะรักกับใคร แต่เป็นเรื่องตำรวจใหญ่อย่าง "โจ๊ก" หรือ นายพล"ต." ไปเกี่ยวกับเส้นทางเงินเครือข่ายเว็บพนันกันอย่างไร
เรื่องมันเยิ่นเย้อมานาน จนกระทั่งกำลังจะเข้าถึงตัวนายตำรวจใหญ่ ผู้ร้ายกำลังจะถูกกระชากหน้ากากจากฉากบู๊ระห่ำ กลับกระชากอารมณ์เป็น "ซิทคอม" ละครลิง ออกแนวดูถูกผู้ชมหน้าตาเฉย
พีคไม่พีคก็ดูไทม์ไลน์ย้อนหลัง เมื่อวันก่อน โจ๊กถูกออกหมายเรียก อีกไม่กี่วันหากยื้อเกม หมายจับคงตามมาไม่ไกล ทีมโจ๊กหลังผิงฝา ก็ให้ทนายออกมาตั้งโต๊ะเปิดโปงเส้นทางเงินของบิ๊กตำรวจที่เสวยสุขกับเงินเทา กะจะเผาทั้ง สตช.
ตามด้วย ทิ้งปริศนาตัวย่อของ "พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์" ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจนครบาล 1 ใน 8 ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันมินนี่ ที่แฉเส้นเงินที่เชื่อมโยงไปยังญาติพี่น้องของ นายพล “ต.” ภรรยาชื่อ “ก.” พี่สาว “จ.” และ พี่ชาย “ช.”
ปริศนาตัวย่อที่ไม่รู้ใคร ในความเป็นจริงพอเอ่ยอ้างมา ย่อมมีคนที่รู้ และคนที่คิดว่าใช่ตัวเองก็ร้อนๆ หนาวๆ
แว่วว่า จากวิชาตกตายด้วยกันที่ “โจ๊ก” หวดใส่บิ๊กตำรวจนี้ มีคนตาดีเห็นประตูห้องทำงานของ ผบ.ตร. เปิดรับ รองผบ.ตร.ในคืนก่อนนี้ สร้างความตระหนกตกใจให้กับตำรวจแถวนั้น เกรงว่าคนทั้งคู่ปิดประตูคุยกันนาน 2 นาน จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่!
สายๆวันรุ่งขึ้น ทั้ง ผบ.ตร.และ รอง ผบ.ตร. ถูก "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี เรียกเข้าพบ แน่นอนว่า ย่อมเป็นเรื่องเน่าๆ ฉาวโฉ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หลังจากพบนายกฯ “โจ๊ก” กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทุกอย่างสงบ จบลงด้วย "เซ็ตซีโร่" ใครฟ้องใครก็ถอน และ จะกลับไปร่วมแถลงข่าวกับ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ที่ สตช.
ตัดภาพกลับไปที่งานแถลงข่าวคู่รักแห่งปี จบลงด้วยภาพยืนเคียงข้างโอบเอวกอดไหล่ หากเป็นภาพยนตร์อวสานก็ถือเป็นฉากรักที่สมบูรณ์ "Happy ending" ไปกันต่อ
ทว่า ใครจะคาดคิด ละครยังไม่ทันจะเก็บฉาก เกิดเหตุ "ฟ้าผ่า" กระหน่ำลงมาเปรี้ยง!!
มีข่าวแพร่สะพัดในเวลาต่อมาว่า "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี มีคำสั่ง "เด้ง" ให้ทั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ากรุประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เรียกว่าฟ้าผ่า โดยทั้ง "ต่อเฟรนด์ลี่" และ "โจ๊กหวานเจี๊ยบ"ไม่ทันได้อุดหู
คู่รักที่เพิ่งโอบเอวกัน จึงได้ไปแสดงความปรองดองกันต่อที่สำนักนายกฯ ท่ามกลางคำอวยพรของตำรวจทั้งประเทศ...ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์...
ไป"เซ็ตซีโร่" ความขัดแย้งกันต่อกันตามใจปรารถนาที่ไม่ใช่ สตช.
จากนี้ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. จะรักษาราชการแทน เป็นระยะเวลา 60 วัน เพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบเรื่องที่มีข้อขัดแย้งทุกเรื่อง ทุกคดีที่มีการกล่าวโทษกันให้แล้วเสร็จโดยจะแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 3 คนคือ "ปลัดฉิ่ง" ฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ “ชาติพงษ์ จีระพันธุ” กรรมการ และ “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” กรรมการ และเลขานุการ
นี่ทำดีก็ต้องชื่นชม นายกรัฐมนตรีที่ตัดสินใจเด็ดขาด
การเรียกนายตำรวจทั้งสอง เข้ามาคุยในช่วงเช้า ก็เพื่อชี้แจงเรื่องนี้ อธิบายว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไรในช่วงนี้ ทั้งคู่รับปากว่าจะพยายามไม่พูดอะไรอีก ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปข้างหน้าได้ โดยไม่มีการแทรกแซง ไม่ให้ลูกน้องทั้ง 2 ฝ่ายออกมาพูดอะไรอีกแล้ว
นี่คือเหตุผลที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีอธิบายต่อสื่อ
ว่ากันว่า ลึกๆแล้ว นายกฯใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจเด้ง ผบ.ตร.และ รอง ผบ.ตร. เข้ากรุในคราวเดียวกัน ซึ่งไม่ค่อยได้เกิดขึ้นบ่อย เพราะเป็นเรื่องของ "การบริหาร"
ต้องไม่ลืมว่า "เศรษฐา" นั้นมีพื้นฐานจากการเป็น CEO บริษัทเอกชนมาก่อน เคสในลักษณะนี้ จึงฟันโชะได้ทันที
หันมามองที่เหตุผลของการเลือก "บิ๊กต่าย" ทำหน้าที่รักษาการ ก็เป็นเรื่องเหมาะสมเพราะ ถืออาวุโสเป็นรองแค่ โจ๊ก เมื่อโจ๊กเข้ากรุ ก็ต้องเป็น บิ๊กต่าย
ถ้าจะวิเคราะห์ต่อว่า นี่เป็นวาสนาของ "บิ๊กต่าย" จะได้เป็น ผบ.ตร. หรือไม่ หรือ รักษาการถ้าทำได้ดีก็เท่ากับซ้อมตำแหน่งนี้กลายๆ แต่จะประกันว่าจะขึ้นเบอร์ 1 จริงๆ หรือไม่ ก็อาจจะยังไม่ใช่ก็เป็นได้!
ขณะที่ชะตากรรมของ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” กับ ลูกน้องที่ถูกกล่าวหาพัวพันกับเส้นทางการเงินของเว็บพนันก็ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา จบที่ป.ป.ช. ในคดีมินนี่ หรือกลับมาที่พนักงานสอบสวนในคดีฟอกเงิน ก็ต้องติดตามกันต่อ
ที่แน่ๆ เมื่อกงล้อกระบวนการยุติธรรมหมุนแล้ว ก็ยากที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หวังจะ "เซ็ตซีโร่" ได้ง่ายๆ เหมือนที่คุยกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์
เช่นเดียวกับที่ลูกน้องตัวเองเปิดไว้ ถึง “นายพล ต.” แฉกันขนาดนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายใต้ "บิ๊กต่าย" ก็ต้องดำเนินการต่อไป
อย่างน้อยๆ สังคมต้องรู้ว่า “นายพล.ต.” ไปเกี่ยวพันกับเว็บพนัน และรับส่วยเครือข่ายเว็บพนันหรือไม่ อย่างไร
นี่จะเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ก็ว่าได้
ส่วน “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล” ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนจะเกษียณ ถ้าทุกอย่างภายใน 60 วันจบลงด้วยดี ก็ถือว่าก็ยังเก็บกู้หน้าได้
แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม ก็ปิดฉากชีวิตราชการไม่สวยเลยงานนี้ ขอบอก
ว่าไปแล้ว “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” จะไปโทษใครก็ไม่ได้ เพราะตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งก็มีแต่เรื่อง เป็น 6 เดือนอันทุกข์ระทม จมอยู่กับคดีเว็บพนันออนไลน์และ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” คนเดียว ด้วยความเฟรนด์ลี่ พี่มีแต่ให้แบบตั้งใจให้ไร้เดียงสา แต่อีกฝ่ายไม่เชื่อ!
กระทั่งมาถึงวันนี้ได้อย่างไร “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ก็จะยืนงงในดงสีกากี แต่ของพรรค์นี้ เพราะระหว่าง "บิ๊กต่อ" กับ "โจ๊ก" อุปมาเหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่...ใช่หรือไม่
ที่ผ่านมา หรือระหว่างแถลงข่าวร่วมกับโจ๊ก ดูสีหน้าท่าทางของคนทั้งคู่ ต่างดูไม่จืด เขียวค้ำดำหมอง ก็ไม่ทราบว่า มือที่อยู่ใต้โต๊ะเอื้อมไปบีบไข่ของกันและกัน หรือไม่? ... นะครับนะ.
** “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. ผู้สยบทหารเกณฑ์คลั่งไล่ฆ่า 2 ศพ
หลัง“บิ๊กนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งเด้ง“บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้าไปสมานฉันท์กันที่ทำเนียบฯ เป็นการชั่วคราว แล้วตั้ง “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ขึ้นมารักษาราชการแทนผบ.ตร. สปอตไลต์ก็ฉายจับไปที่ “บิ๊กต่าย” ทันที
“บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็นคนราชบุรี เกิดเมื่อ 8 ธันวาคม 2508 จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรีแล้วไปต่อ โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 25 รุ่นเดียวกับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดย “บิ๊กต่าย” จะเกษียณในปี 2569
ผลงานโดดเด่นที่ต้องพูดถึงคือ สมัยเป็น ผบช.ภาค 8 “บิ๊กต่าย”ได้รับมอบหมายสายตรงจาก “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผบ.ตร. ให้เป็นผู้บัญชาการเหตุวิกฤต สยบอดีตทหารเกณฑ์หน่วยรบพิเศษ จ.ลพบุรี คลั่งไล่ฆ่า 2 ศพแล้วหนีข้ามจังหวัด ไปกบดานที่ ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง
“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” เริ่มต้นรับราชการตำรวจ เป็น รอง สว.สอบสวน สภ.อ.เมืองระยอง จากนั้นค่อยๆ เติบโตในหน้าที่การงาน เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ก่อนขยับขึ้น รอง จตร.(สบ 7) แล้วขยับเป็น รอง ผบช.สกพ. จากนั้นติดยศ พล.ต.ท. ในตำแหน่ง ผบช.ประจำ สำนักงาน ผบ.ตร. ก่อนโยกไปเป็น ผบช.ภ.8 แล้วขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.
เคยเป็นนายเวร “พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้” สมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และเป็นหัวหน้าสำนักงาน “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” อดีต ผบ.ตร. เมื่อ “บิ๊กต่าย” ขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร. ได้รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผอ.ศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.)
และวันนี้ “บิ๊กต่าย” ได้ขึ้นนั่งรักษาการ ผบ.ตร. ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี
