ก้าวไกลรุมสับงบกห. “ชยพล” จวก “งบลับแล“ อ้างความมั่นคงเพื่อความมั่งคั่งคนบางกลุ่ม ชี้งบลับยุทโธปกรณ์แอบซ่อนงบฟูกยางพารา-กรวยแสดงทิศทางลม ราคาแพงกว่าตลาด ถามของบเพิ่มในหน่วยที่มีกำไรสะสมเพื่ออะไร ฟาดของบราชการลับ 469 ลบ.ซ้ำทุกปี ทำไมไม่ขอเป็นงบประจำ
วันนี้ (20มี.ค.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราฎร ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2567 ในม. 8 กระทรวงกลาโหม นายชยพล สะท้อนดี สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่าเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานลับแล ซ่อนเร้นซ่อนเงื่อน ที่รายละเอียดไม่ชัด มีการซ่อนหลายอย่างไว้ในเอกสารลับหลายจุด ใต้การอภิปรายหัวข้อ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” คือการอ้างความมั่นคง เพื่อจะซ่อนงบไปในเอกสารลับ ไม่ยอมเอามาให้กรรมาธิการได้ตรวจสอบ เพื่อความมั่งคั่งของตัวเองอย่างยั่งยืนของกองทัพ
นายชยพล กล่าวว่า ตนจำเอกสารส่วนหนึ่ง จากเอกสารลับของกองทัพเกี่ยวกับยุทธโธปกรณ์ได้ เช่น งบประมาณซื้อฟูก กรวย น้ำกลั่น Smart Classroom ซึ่งงบประมาณที่น่าสนใจคืองบซื้อที่นอนยางพารา ที่กองทัพจัดซื้อในราคา 2,885 บาทต่อชิ้น จำนวน 277 ชิ้น รวมเป็นเงินกว่า 1,200,000 บาท แต่เมื่อเปิดดูราคาผ่านเว็บไซต์แล้วพบว่า ราคาจริงๆของที่นอนยางพารามีราคาไม่ถึง 1,500 บาท แต่ไม่รู้ว่ากองทัพไปซื้อเว็บไหนเพียงแค่ตนเปิดแอพส้มก็พบว่าราคามีไม่ถึง 1,500 บาท งบประมาณจัดซื้อกรวยแสดงทิศทางลม ราคา 18,000 บาทต่อชิ้น เป็นงบประมาณของกองทัพเรือ แต่เมื่อเปิดดูราคาในแอพส้ม หาสินค้าที่แพงที่สุดในแอพแล้ว พบว่ามีราคาชิ้นละ 4,300 บาทเท่านั้น กองทัพตั้งงบประมาณซื้อกรวยแสดงทิศทางลมจำนวน 25 ชุดเป็นเงิน 450,000 บาท
“ มันคือธงปลาคาร์ฟ ที่แขวนไว้เพื่อดูทิศทางลมและความแรงลมเท่านั้น มันไม่มีเทคโนโลยีอะไรเบื้องหลังเลยสักนิด แต่ว่าไปซ่อนอยู่ในเอกสารลับที่มีรายการเยอะมาก ยาวมาก แล้วก็เก็บกลับไม่ให้เราไปตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน อย่างนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นอีกหรือเปล่า เพราะผมได้ดูเอกสารนี้เพียงแค่ไม่นานเท่านั้น” นายชยพล กล่าวย้ำ
นายชยพล กล่าวต่อว่า การใช้งบเพื่ออุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ โดยยกตัวอย่าง 3 หน่วยงานได้แก่ โรงงานเภสัชกรรมทหาร ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ และโรงงานผลิตวัตถุระเบิดทางทหาร ที่เมื่อดูงบการเงินของทั้ง 3 หน่วยงาน ย้อนไปถึงปี 2564 จะเห็นว่ามีเงินสดคงเหลือในหน่วยงานฝากธนาคารและกระทรวงการคลังไว้ รวมถึงมียอดของลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระคืนทุกปี เมื่อรวมแล้วโรงงานเภสัชกรรมทหารยังมีเงินเหลือกว่า 231 ล้านบาท , ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธมีเงินเหลือกว่า 249 ล้านบาท และโรงงานผลิตวัตถุระเบิดทางทหารมีเงินเหลืออยู่ 76 ล้านบาท เรามีเงินเหลือทั้งสามองค์กรกว่า 544 ล้านบาท แต่ยังมาของบประมาณปี 2567 เพิ่มอีก 258.6 ล้านบาท
“เมื่อไหร่ธุรกิจเหล่านี้จะสามารถรันได้ด้วยตัวเอง และยังตั้งข้อสังเกตว่าธุรกิจเหล่านี้ยังจำเป็นหรือไม่ เช่น โรงงานเภสัชกรรมทหาร การผลิตยาเพื่อใช้ภาคสนามเป็นยาแผนปัจจุบัน เราสามารถไปซื้อกับโรงงานอื่นได้หรือไม่ หรือจะไปอุดหนุนสยามไบโอไซน์ก็ได้ หากจะทำให้มีชิ้นงานเกิดขึ้นจริง มากกว่าการที่จะให้กองทัพทำกันเองแล้วไม่สามารถไปต่อยอดอะไรได้
“มันลับแค่จากประชาชนเท่านั้นครับ เหมือนกองทัพไม่อยากให้ประชาชนรู้ว่าเอาเงินไปซื้อรถตักดิน ไม่อยากให้ประชาชนรู้ว่าเอาเงินไปซื้อรถกระบะเล่น ทุกคนรู้หมดครับ และต่างประเทศที่ท่านไปซื้อมาเขาก็รู้หมด แต่กลายเป็นประชาชนคนไทยที่จ่ายภาษี กลายเป็นคนกลุ่มเดียวที่ไม่รู้ว่าภาษีที่ใช้ทั้งหมดนำไปใช้ซื้ออะไรหรือทำอะไร รู้แค่ว่ามันคือเรื่องของความมั่นคง แต่สุดท้ายแล้วเราก็เห็นแล้วว่ามันเพื่อความมั่งคั่ง ยั่งยืน ของพวกท่านเท่านั้น” นายชยพล กล่าว