xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯย้ำ "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก" ยังบริสุทธิ์ปัดลงโทษ เด้งเข้ากรุกันพ้นความขัดแย้ง สอบไร้มลทินก็กลับแบบสง่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เศรษฐา" ย้ำ "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก" ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ยัน ไม่ได้ลงโทษ แค่ให้ "รองต่าย" รักษาการแทน เพื่อกันออกจากความขัดแย้ง พร้อมตั้ง คกก.สอบข้อเท็จจริง ชี้ หากปราศจากมลทิน ก็จะกลับเข้ามาได้อย่างสง่า



วันนี้ (20มี.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้ามามาช่วยที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รอง ผบ. ตร.รักษาการในตำแหน่ง ผบ.ตร. ว่า อย่างที่ทุกท่านทราบอยู่แล้ว ว่ามีประเด็นทางด้านการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เรื่องคดีความทั้งหลาย ซึ่งต้องให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปได้ด้วยความเป็นธรรม ไม่มีการแทรกแซง

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ทั้งสองยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่เพื่อให้การบริหารราชแผ่นดิน เป็นไปด้วยความสะดวก และสามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่ มีการก้าวก่ายในกระบวนการยุติธรรม จึงขอโอนท่านทั้งสองมาช่วยงานสำนักนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เป็นเวลา 60 วัน ระหว่างที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

“เป็นการชั่วคราวและไม่ได้เป็นการลงโทษ เงินเดือน และทุกอย่างยังเหมือนเดิม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับคณะกรรมการที่จะเข้ามาตรวจสอบนั้น ในวันนี้มีการออกจดหมายฉบับหนึ่งที่เชิญทั้งสองท่านมาช่วยงานสำนักนายกรัฐมนตรี และอีกฉบับหนึ่งคือให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นรักษาการ และในช่วงเย็นวันนี้ จะมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 ท่าน ประกอบด้วย ตำรวจ ปลัดกระทรวงมหาดไทยเก่า และคนจากสำนักงานอัยการ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผล ในการเรียกทั้งสองท่านมาพบในวันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ในช่วงที่ถูกโอนมาปฎิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี และก็ได้มีการรับปากว่า จะไม่ยุ่ง ปล่อยให้เป็นกระบวนการตามกฎหมาย ให้มีการสืบทราบความจริง ให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปข้างหน้าได้ โดยไม่มีการแทรกแซง และไม่ให้ลูกน้องของทั้งสองออกมาพูดอะไรอีกแล้ว

”ท่านเป็นผู้ใหญ่ ควรรู้ว่าจะพูดอะไร ไม่พูดอะไร ก็เป็นไปตามที่แถลงข่าว จริงๆ แล้ว ตอนนี้ ทำเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปได้ ไม่ให้มีการก้าวก่าย หรือการล็อบบี้กันเกิดขึ้น“ นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า การโอนมาช่วยงานในครั้งนี้ จะไม่ทำให้เรื่องนี้บานปลายใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นไปตามหน้าที่ และปฎิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ตนเองไม่ได้สบายใจที่ต้องทำแบบนี้ เพียงแต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เดินไปข้างหน้าได้ เพราะเรามีหน้าที่หลักในการดูแลพี่น้องประชาชน

นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ทุกอย่างจะค่อยๆ คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ซึ่งภายใน 60 วัน หากคณะกรรมการทั้ง 3 ท่านตรวจสอบมาแล้ว หรืออาจต้องใช้เวลามากกว่านั้น แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่า กระบวนการยุติธรรมสามารถเดินไปได้ โดยที่ไม่ต้องมีการก้าวก่าย หรือแทรกแซง ก็อาจจะพิจารณาโอนย้ายกลับมา ขอเวลาให้คณะกรรมการทำงาน นายกรัฐมนตรีย้ำว่า คณะกรรมการจะมีการพิจารณาในทุกเรื่อง และทุกคดีที่มีการกล่าวโทษกัน

เมื่อถามถึงความกังวลใจของทั้งสองท่าน ภายหลังจากถูกโอนให้มาช่วยงานในสำนักนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นธรรมดาที่ทั้งสองท่านมีความกังวลใจ และไม่สบายใจ แต่ก็ยอมรับด้วยดี เมื่อรู้ว่าคณะกรรมการทั้ง 3 ท่านเป็นใคร ก็บอกว่าเป็นคนกลาง และแฟร์ ก็ยอมรับดี

“ผมไม่ได้มีธงว่า ต้องตัดสินออกมาเป็นอย่างไร วันนี้เราต้องเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เรื่องของการทำงานกับ สตช. เรื่องข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แถวสองแถวสาม ที่อาจเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพ ตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า เพราะฉะนั้น การที่เอาคู่ขัดแย้งไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ก่อน ทุกท่านจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ จุดโฟกัสสำคัญที่สุด คือความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ยังมีปัญหาเรื่องของความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด หนี้นอกระบบ เว็บพนัน บ่อน ซึ่งปัญหาต่างๆ นี้ เป็นเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่า โดยทั้งสองก็เข้าใจ และอยากให้ สตช.มีชื่อเสียงที่ดีกลับคืนมาได้

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการออกมาแฉตัวอักษรย่อของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาจมีมากกว่านี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่อยากจะไปพูดต่อ ไม่อยากไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม และไม่อยากให้ปรากฏชื่อพวกนี้เข้ามา ไม่อยากให้ทาง สตช. หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่งมาพูดเรื่องพวกนี้แล้ว เราทุกคนจะได้สบายใจว่า กระบวนการทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย ทุกคนจะได้ปฏิบัติหน้าที่ตนเองได้อย่างเต็มที่

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า มีความลำบากใจ และไม่สบายใจที่จะทำแบบนี้ แต่ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องเอาผู้ที่มีความขัดแย้งออกไปจากระบบก่อน เพื่อให้กระบวนการเดินไปได้ และปราศจากการแทรกแซง เชื่อว่า ทุกคนเข้าใจว่า ทำไมถึงมีวันนี้เกิดขึ้น

โดยในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปที่ สตช. เนื่องจากมีการเรียกประชุมกับ รอง ผบ.ตร. รักษาการ ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผู้บัญชาการภาค และผู้บัญชาการทั้งหลาย เพื่อมอบนโยบายต่อไป

เมื่อถามว่า จะมีการชี้แจงเรื่องนี้ในที่ประชุมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีการชี้แจงอะไร เพราะทุกท่านคงเป็นกระบอกเสียงให้อยู่แล้ว เชื่อว่าตนเองพูดตรงไปตรงมามากที่สุด แต่คงมีการเกริ่นคร่าวๆ ในที่ประชุม ว่าจริงๆ แล้ว เราอย่าลืมว่า เรามาอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร เพื่อดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ไม่อยากให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต้องมาเข้าข้างใคร

“ท่านทั้งสองก็น่าจะสบายใจ เพราะท่านคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนอะไรแล้ว เพราะได้ถูกโยกมาช่วยงานที่สำนักงานนายกฯ แล้ว ไม่มีใครจะกล่าวหาท่านใดท่านหนึ่งได้เลยว่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม จริงๆ ผมทำอย่างนี้ เพื่อปกป้องทั้งสองท่านด้วย ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการลงโทษ ไม่ได้มีการลดเงินเดือน หรืออะไรทั้งสิ้น ทั้งสองท่านยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่อาจมีการมองว่าเรื่องนี้เป็น Proxy War หรือตัวกลางความขัดแย้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ท่านก็เป็นผู้เสนอข่าวพวกนี้อยู่แล้ว ท่านน่าจะเข้าใจอยู่ แต่เดี๋ยวก็ต้องมาว่ากันอีกที เรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องด่วน ก็ต้องจัดการไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า หลังจากออกหนังสือตั้งคณะกรรมการแล้ว จะเรียกประชุมต่อเลย ว่าให้แต่ละท่านทำอย่างไร ไม่อยากให้มีการชี้นำว่า ผลออกมาเป็นอย่างไร พร้อมยืนยันว่า ทั้งสองท่านยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองท่าน การนำท่านทั้งสองท่านออกจากตำแหน่ง ที่มีอิทธิพลชี้นำ หากถูกตรวจสอบแล้วปราศจากมลทิน ก็ทำให้ทั้งสองท่าน กลับเข้ามาได้อย่างสง่า ไม่อยากให้เรียกว่าการประชุม เป็นการคุยกันมากกว่า


กำลังโหลดความคิดเห็น