xs
xsm
sm
md
lg

สภาไม่ปรับลดงบกลางยึดตาม กมธ.เสียงข้างมาก "เรืองไกร" ขู่มีส่วนได้เสียเจอม.144 ก.ก.ซัดไม่ถอดบทเรียนงบฉุกเฉิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สภาฯไม่ปรับลดงบกลาง ยึดตาม กมธ.เสียงข้างมาก “เรืองไกร” เสนอตัดพันล. เผยมีจับกลุ่มคุยกลางห้องประชุม บางคนอ้างนายกฯขอมา ลั่นมีแบบนี้เจอ ม.144 ปมห้ามมีส่วนได้เสีย “ศิริกัญญา” ซัดไม่เคยถอดบทเรียนจาก รบ.ชุดที่แล้ว ชี้งบฉุกเฉินควรใช้ตอนฉุกเฉินจริงๆ ไม่ใช่ตั้งงบกลางขาดแล้วเอาเงินฉุกเฉินไปใช้

วันนี้ (20มี.ค.) ในการพิจารณามาตรา 6 งบกลาง นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการสงวนความเห็น ขออภิปรายปรับลดงบกลางให้เหลือ 5.7 แสนล้านบาท โดยระบุว่า อยากให้รัฐบาลจัดสรรงบตามวัตถุประสงค์ในการมีงบกลาง โดยทางปีนี้รัฐบาลไม่ได้จัดสรรเบี้ยหวัดบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของบุคลากรภาครัฐไว้อย่างเพียงพอ เป็นการพลาดแล้ว พลาดอยู่ พลาดต่อ โดยปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วที่ตั้งงบไว้ขาดเป็นจำนวนมาก เบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ตั้งขาดไป 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลบุคลากรภาครัฐตั้งขาดไป 2 หมื่นล้านบาท เรื่องนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นความจริงในการตั้งงบประมาณขาด แต่จะขาดเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับการประมาณการ สุดท้ายต้องใช้งบกลางเงินสำรองรายจ่ายฉุกเฉิน ตนคิดว่ารัฐบาลไม่ได้ถอดบทเรียนจากรัฐบาลชุดที่แล้วเลย ในการจัดทำงบกลางให้ดีขึ้น

“เท่ากับว่าเราไม่ต้องใช้เงินสำรองรายจ่ายฉุกเฉินเพื่อไปทำมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการในการช่วยเหลือประชาชน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนแต่อย่างใดแล้วใช่หรือไม่คะ วัตถุประสงค์ของงบกลางไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงแค่ไว้ใช้อุดช่องโหว่ในการทำนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น งบประมาณฉุกเฉินควรจะต้องใช้เมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินและจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่ว่ารัฐบาลตั้งใจตั้งงบขาด แล้วจะมาใช้เงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น จึงเสนอให้ตัดลดงบกลางเงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็นลง 3 หมื่นล้านบาท” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการสงวนความเห็น อภิปรายขอปรับลดงบกลาง 1.4 พันล้านบาท โดยระบุว่า ในกรรมาธิการที่มีการหารือกันอยู่นั้น มีรองประธานกรรมาธิการบอกว่าของบให้รัฐสภาไทย ตนคิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะจะมีส่วนได้เสีย

“ในการพิจารณาปรับเพิ่ม 1 พันล้านบาท วันนั้นมีการพูดคุยกันกลางห้องประชุม จับกลุ่มพูดคุยว่าจะเอาตรงไหนไปไหน มีการบอกว่าจะเอาไปประกันสังคม 500 ล้านบาท ถึง 1 พันล้านบาทบอกว่าท่านนายกฯ ขอมา ผมฟังแล้วผมก็ตกใจ ถ้าบอกขอมา อย่างนี้วันนี้ผมต้องขอเสนอตัดออก เพราะให้ผ่านไปไม่ได้ ถ้าให้ผ่านไปในมาตรา 144 ก็ต้องถูกร้องแน่ การที่มาพูดในห้องกรรมาธิการ แม้ว่าจะไม่ได้ออกเสียง แต่ก็มีคณะกรรมาธิการที่เป็นคณะรัฐมนตรีนั่งอยู่ด้ว ศาลรัฐธรรมนูญบัญญัติคำวินิจฉัยไว้ว่าถ้ามีส่วนได้เสียในเรื่องนั้นก็ต้องไม่อยู่ในห้อง เช่นเดียวกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ท่านก็ทำเป็นตัวอย่าง ผมยังติดใจเรื่องนี้และเสนอให้ท่านตัด 1 พันล้านบาทออกไป เพราะอย่างไรงบกลางก็ยังมี 9 หมื่นกว่าล้าน อย่าไปเสี่ยงกับเงินเล็กน้อย และมีปัญหาทางข้อกฎหมาย เพราะอย่างไรเสียผมเป็นกรรมาธิการ แม้เสียงข้างน้อย ผมก็ใช้สิทธิ์ที่จะต้องยื่น ป.ป.ช.แน่นอน ถ้าตัวเลขนี้ไม่ตัดออก” นายเรืองไกร กล่าว

ส่วนนายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมาธิการสัดส่วนพรรคไทยสร้างไทย​ ขอสงวนความเห็น อภิปรายว่า มีข้อสังเกตว่าในงบประมาณจำนวนนี้ น่าจะมีบางส่วนมาจากการปรับลดโครงการซื้อเรือฟริเกตของกองทัพเรือที่ตั้งงบประมาณปี 67 ไว้กว่า 1,700 ล้านบาท แต่ถูกตัดออกทั้งหมด และงบที่ถูกตัดทั้งหมดย่อมถูกนำมาอยู่ในงบกลาง ฉะนั้น การใช้จ่ายงบกลางของรัฐบาลนี้ก็ควรที่จะต้องใช้จ่ายให้ตรงกับวัตถุประสงค์คือเป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน ไม่เปิดช่องไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่นใดๆ หากโครงการที่รัฐบาลอนุมัติไม่เหมาะสม ไม่ฉุกเฉินเร่งด่วนจริงๆ ก็จะเกิดการเปรียบเทียบกับเรือฟริเกตของกองทัพเรือเพื่อมาปกป้องอธิปไตย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่กลับถูกปรับออกไป ย้ำว่าการใช้จ่ายงบกลางต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะจะถูกจับตาจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะจากกองทัพเรือ

“หากเป็นไปได้งบประมาณปี 68 รัฐบาลควรหากแนวทางให้กองทัพเรือได้เรือฟริเกตโดยมีเงื่อนไขให้กองทัพเรือสนับสนุนอุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศตามนโยบายของรัฐบาลที่เคยแถลงไว้ต่อรัฐสภา เพราะเงินงบประมาณก็จะไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ หมุนเวียนอยู่ในประเทศเราเอง ผมจะรอฟังคำตอบประเด็นนี้จากรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม” นายชวลิต กล่าว

ขณะที่นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า งบกลางในหมวดสำรองจ่ายในปี 67 ที่เรากำลังพิจารณากันมีการเบิกจ่ายต่ำ เนื่องจากในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนของงบกลางที่เป็นเงินสำรองจ่ายนั้น สำนักงบประมาณได้พิจารณาถึงความพร้อม ความสามารถตามระเบียบความจำเป็น แผนงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณควรจะต้องพิจารณา ส่วนใหญ่งบกลางจะจัดสรรในช่วงกลางปีงบประมาณ แต่ในเรื่องของการเบิกจ่ายมีความล่าช้าส่วนใหญ่ก็สืบเนื่องมาจากเรื่องของภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดในช่วงฤดูฝนหรือช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณ ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้มีความคาดหมายไว้ล่วงหน้า การของบประมาณจึงเกิดขึ้นในช่วงนี้

ส่วนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการของข้าราชการนั้น เป็นการตั้งงบประมาณในรอบ 1 ปีงบประมาณเท่านั้น ซึ่งการเบิกจ่ายเป็นเรื่องที่เราไม่ได้คาดการณ์มาก่อน และคิดว่าประชาชนคนไทยคงไม่อยากเจ็บป่วย ทำให้การตั้งงบประมาณเป็นไปตามสมมติฐานที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นอย่างเพียงพอ

“ทั้งนี้ งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เราจะบริหารงบประมาณอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ จึงขอยืนยันว่าดิฉันเห็นกับกรรมาธิการในมาตรานี้” นางมนพร กล่าว

ภายหลังการอภิปรายที่ประชุมได้ลงมติ279 เสียง เห็นชอบตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก ไม่เห็นชอบ160 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง


กำลังโหลดความคิดเห็น