วันนี้ (20 มี.ค.) น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวแปรญัตติในมาตรา 7 สำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์ โดยเสนอตัดโครงการจัดซื้ออุปกรณ์ผลิตและเผยแพร่สื่อออนไลน์ กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งตั้งงบประมาณซื้ออุปกรณ์เพื่อผลิตสื่ออนไลน์จำนวน 134 ชุด เป็นเงินทั้งสิ้น 50,000,000 บาท ซึ่งอนุกรรมาธิการอนุมัติตัดงบไปแล้ว 30 ล้านบาท โดยโครงการนี้เป็นโครงการใหม่ที่เริ่มต้นปีนี้ปีแรก โดยประเด็นที่ขอตัดไม่ใช่เรื่องของความไม่สมเหตุสมผลของราคา หรือความคุ้มค่าของอุปกรณ์ แต่ตั้งคำถามว่ากรมประชาสัมพันธ์ มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนที่จะขยายการสื่อสารไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เพราะสถานีโทรทัศน์ NBT มีมาแล้วมากกว่า 30 ปี ประชาชนรู้จักช่อง NBT ในฐานะสื่อโทรทัศน์ แต่วันนี้คิดจะบุกแพลทฟอร์มออนไลน์ในขณะที่แวดวงสื่อออนไลน์เขาเดินไปไกลแล้ว และการที่จะประสบความสำเร็จในแพลทฟอร์มออนไลน์ไม่ได้อยู่ที่อุปกรณ์ แต่คือวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ต้องเตรียมองค์กรให้พร้อมที่จะแข่งขัน เท่ากับภาคธุรกิจ
น.ส.ภคมน ได้เปิดสถิติเรตติ้งทีวีดิจิตอลของสถานีโทรทัศน์ NBT เรตติ้งย้อนหลังสามเดือนของสถานีโทรทัศน์ NBT อยู่ลำดับที่ 17 จาก 20 เรตติ้งนำแค่ททบ.5 อยู่ที่ 0.005 แล้วในฐานะสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อรัฐหรือสื่อเอกชน จะบอกว่าไม่สนใจเรตติ้งไม่ได้ เพราะเรตติ้งคือตัวชี้วัดของงานที่นำเสนอ ดังนั้นเรตติ้ง NBT แทบจะไม่มีใครดูแล้ว
น.ส.ภคมน กล่าวเปรียบเทียบยอดผู้ติดตามและยอดผู้รับชม Youtube ของ NBT ส่วนกลาง กับสำนักข่าวออนไลน์ ที่ไม่มีอุปกรณ์หลักล้านแต่มียอดผู้รับชมสูงกว่า และ NBT มีศูนย์ประจำภูมิภาคยังตั้งช่อง Youtube ประจำภูมิภาคอีกซึ่งมีความทับซ้อน พร้อมย้ำว่าสื่อออนไลน์มีความ World Wide สามารถรับชมได้ทุกที่ ไม่ต้องสร้าง Youtube ประจำภูมิภาค
น.ส.ภคมน ยังแสดงความกังวลถึงการเตรียมบุคลากรที่มีความพร้อมในการใช้อุปกรณ์ตามที่ตั้งโครงการมาแล้วหรือไม่ หรือสุดท้ายจะเป็นการโยนภาระพนักงานให้กับบุคลากรที่เขามีภาระหลักอยู่แล้ว จะเป็นงานที่ไม่สร้างรายได้และไม่ได้ผลลัพธ์อะไรเลย ดังนั้นการตั้งงบประมาณซื้ออุปกรณ์โดยไม่มีสิ่งใดรองรับ ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าคุ้มค่า จึงขอแนะนำให้ไม่วอกแวก แน่วแน่ในแนวทางการเป็นสื่อของรัฐให้มีประสิทธิภาพให้ได้