“ส.ส.เพื่อไทย” เสนอตัดงบฯ ปี 67 ออก 3% ไปแจก “ดิจิทัลวอลเล็ต” ตัดปัญหาถกเถียงความวิกฤต-ความคุ้มค่า “จุลพันธ์” ยืนยันเดินหน้าโครงการ แต่ออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน
วันนี้ (20 มี.ค.) นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้แปรญัตติขอปรับลดงบประมาณในมาตรา 4 ขอปรับลดงบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2561 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาท ลง 3% หรือ 1 แสนล้านบาท เพื่อไปใช้ดำเนินการแจกโครงการดิจิทัล วอตเล็ต 10,000 บาท เพื่อให้ตรงตามที่พรรคเพื่อไทยยื่นนโยบายต่อ กกต. ที่ยืนยันว่า จะใช้เงินจากงบประมาณ และตัดปัญหาการถกเถียงเรื่องความคุ้มค่าและความจำเป็นในการกู้ยืมเงินมาดำเนินโครงการตาม ม.53 พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง
ทั้งนี้ เนื่องจาก GDP ของการเติบโตต่ำมาก เพียง 1.9% ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในส่วนหนึ่งเป็นเพราะธนาคารแห่งประเทศไทย มีการปัดขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 5 ครั้งในปี 2566 ทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงเกินจริง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไม่ดี ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งเป้า ประชาชนจึงไม่กล้าใช้จ่าย ส่วนตัวจะกังวลว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่เคยคาดการณ์ว่าจะเก็บได้ 2.787 ล้านล้านบาท ไม่เป็นไปตามเป้า
ขณะที่ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในฐานะกรรมาธิการ ได้ชี้แจงว่าในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทางคณะกรรมาธิการได้พิจารณาปรับลดงบประมาณไปบางส่วน แต่งบผูกพันจะไม่สามารถนำมาพิจารณาได้ เพราะเป็นการใช้จ่ายไปแล้ว ซึ่งกว่า 60% เป็นค่าใช้จ่ายเงินเดือนข้าราชการ ไม่สามารถล่าช้า เลื่อนกำหนดการจ่ายได้ ในส่วนของงบลงทุนไม่ได้มีการเร่งรัดใช้จ่ายเพราะจะต้องรอความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรก่อน ส่วนที่สมาชิกกังวลเรื่องตั้งงบประมาณขาดดุลนั้น นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า ประเทศไทย เป็นประเทศกำลังพัฒนา กลไกตั้งงบประมาณขาดดุลเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อมีกำลังในการดูแลประชาชนและพัฒนาประเทศ ซึ่งรัฐบาลก็ดำเนินการเช่นนี้มาหลายปี
ส่วนที่สมาชิกเสนอให้บรรจุโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท เข้าไปในงบประมาณปี 2567 ยืนยันว่า โครงการของรัฐบาลทุกโครงการยังเดินหน้าต่อไปเนื่องจากในการพิจารณาของคณะกรรมการ ผู้ดำเนินโครงการ เห็นว่า จำเป็นจะต้องออกเป็นพ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งจะเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจากสภาพอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการอภิปรายของสมาชิก ได้ลงมติให้ความเห็นชอบ 262 เสียง ยึดตามที่ตามที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ไม่เห็นด้วย 140 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง จึงไม่มีการแก้ไขในมาตรานี้