xs
xsm
sm
md
lg

สภาเริ่มถกงบฯ 67 วาระ 2-3 “ภูมิธรรม” แจงปรับลด 9.2 พัน ล.ให้สอดคล้องนโยบาย-ยุทธศาสตร์ “ศิริกัญญา” ขอตัดงบรวม 3 หมื่นล้าน โวยหน่วยงานเบิกจ่ายล่าช้า เหตุรัฐบาลขาดประสิทธิภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สภาเริ่มถกงบฯ 67 วาระ 2-3 “ภูมิธรรม” แจงปรับลด 9.2 พันล้านบาท ให้สอดคล้องนโยบาย-ยุทธศาสตร์ “ศิริกัญญา” ขอตัดงบรวม 3 หมื่นล้าน โวยหน่วยงานเบิกจ่ายล่าช้า เหตุรัฐบาลขาดประสิทธิภาพ ผ่านไป 6 เดือน งบลงทุนเบิกแค่ 55% พบประมาณการรายได้พลาด-ไม่เข้าเป้า งง นายกรัฐมนตรีสั่งตัดงบไม่จำเป็น แต่หน่วยงานกลับส่งคำของบแล้ว แนะควรจัดลำดับความสำคัญจัดงบฯ ใหม่ ไม่ใช่ใครขอก่อนได้ก่อน



วันนี้ (20 มี.ค.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 วาระที่ 2 และ 3 ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดย นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 ได้รายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ว่า กมธ. ดำเนินการเร็วกว่าที่กำหนด 2 สัปดาห์ เนื่องจากปัญหาของประชาชนไม่อาจรอต่อไปอีกได้ จำเป็นต้องได้รับงบประมาณในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนที่สุด

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ปรับลดงบประมาณลง 9,204,109,400 บาทถ้วน ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และแผนยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนเป้าหมายและผลการดำเนินงานจริง ความคุ้มค่า ความพร้อม และศักยภาพในการใช้จ่าย

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการที่สงวนความเห็น ในมาตรา 4 งบรวม ขออภิปรายปรับลดจำนวน 3 หมืนล้านบาท ให้เหลือ 3.45 ล้านล้านบาท จาก 3.48 ล้านล้านบาท ว่า งบ 67 มีการอนุมัติไปพลางก่อนแล้วโดยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ จำนวน 1.8 ล้านล้านบาท ส่วนที่เหลือที่สภาสามารถพิจารณาได้จริงมีเพียง 1.68 ล้านล้านบาท ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของงบประมาณทั้งหมด หากล่าช้าก็ไม่ใช่เป็นเพราะสภาฯ พร้อมชี้ให้เห็นว่า การเบิกจ่ายงบล่าช้านั้น เป็นเพราะรัฐบาลขาดประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะงบรายจ่ายลงทุนที่ผ่านไป 6 เดือนแล้ว แต่เบิกจ่ายเพียง 55% นอกจากนี้งบรายจ่ายประจำ ยังเบิกไปแค่ 79% ทั้งที่อยู่ในส่วนอนุมัติไปแล้ว

“ถ้ารัฐบาลจะขาดประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายงบประมาณขนาดนี้ เกือบ 6 เดือนเบิกรายจ่ายลงทุนไปได้แค่ 55% ก็ไม่สมควรที่จะนำงบไปใช้ทั้ง 3.48 ล้านล้านบาท“ นางสาวศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวต่อว่า รัฐบาลประมาณการรายได้ผิดพลาด เนื่องจากหลังจากการประมาณการแล้ว รัฐบาลได้ออกนโยบายที่กระทบกับรายได้ของรัฐบาลหลายส่วน เช่น จะไม่มีการเก็บภาษีการขายหุ้น งดการนำส่งรายได้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) ลดภาษีสรรพสามิต จำนวน 6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการจัดเก็บรายได้ที่ลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโตช้ากว่าตอนทำงบประมาณ

“ตอนทำงบประมาณ ปี 67 คาดการณ์ว่าจะโต 5% ต่อปี แต่ล่าสุดของสภาพัฒน์ที่ได้มีการประมาณการ GDP ของปี 67 น่าจะตกแค่ 4% ไม่รวมเงินเฟ้อ เท่ากับหายไปแล้ว 1% จากคำนวณรายได้ที่หายไปประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น มันมีความเสี่ยงที่ประมาณการรายได้น่าจะสูงเกินความเป็นจริง” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า เราสามารถที่จะกู้เต็มเพดานได้ 790,656 ล้านบาทเท่านั้น ปัญหาในวันนี้ มีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 693,000 ล้านบาท หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมาย เท่ากับเราสามารถกู้เพิ่มได้อีกแค่ 97,656 ล้านบาท ไม่ถึงแสนล้านบาท

“ใครของบก่อนได้ก่อน มันไม่ควรจะต้องเกิดเหตุการณ์ที่ให้หน่วยงานไหนที่ทำ โครงการก่อนได้งบประมาณก่อน หน่วยงานไหนทำงบประมาณทีหลัง ได้งบประมาณทีหลังแบบนี้เกิดขึ้น ดิฉันคิดว่าเราต้องมาจัดลำดับความสำคัญใหม่ ช่วยทำให้สถานะทางการคลังของประเทศไม่สะดุดลงและมีปัญหา” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า ในชั้นกรรมาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอตัดงบไม่จำเป็น เช่น งบประชาสัมพันธ์ ฝึกอบรมดูงาน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายในการเช่ายานพาหนะ และลดการบรรจุอัตรากำลังใหม่ แต่ตนงงอยู่ เนื่องจากหน่วยรับงบประมาณส่งคำขอเสร็จตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. 2567 แต่นายกรัฐมนตรีเพิ่งทราบว่าจะต้องตัดงบในส่วนนี้ แล้วมาสั่งการไว้วันที่ 3 มี.ค. 2567


กำลังโหลดความคิดเห็น