โฆษกรัฐบาล เผย รองนายกฯ ลงพื้นที่พะเยา รับฟังความเห็นคนพื้นที่ พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนเพิ่มโอกาสเชื่อมต่อตลาดโลก เร่งขยายศักยภาพด่านพะเยา ตั้งเป้าหมายส่งออกวัวไทยไปจีนปีละ 2 แสนตัว เพิ่มมูลค่าการส่งออกอีก 8 พันล้านบาท
วันนี้ (19มี.ค.) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่ช่วง ครม.สัญจร จังหวัดพะเยา โดยเดินตามแนวนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับฟังปัญหาข้อเสนอแนะของคนในพื้นที่ ผู้ประกอบการ คนรุ่นใหม่ กลุ่ม YEC และ Moc Biz Club จังหวัดพะเยา รวมทั้ง ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน และการพัฒนาพื้นที่ก่อสร้างที่ทำการด่านชายแดน ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา เพื่อความร่วมมือกับทุกภาคส่วนสนับสนุนและส่งเสริมการค้าชายแดน เพื่อสร้างโอกาสและขยายตลาดสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการให้ได้ใช้ศักยภาพในการสร้างรายได้ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตตามพลวัตเศรษฐกิจโลก
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากการดำเนินการของรองนายกฯ ทำให้ได้เห็นปัญหาทิศทางและมุมมองของคนรุ่นใหม่ และปัญหาที่เกิดจากพื้นที่จริง เพื่อนำไปแก้ไขให้ตรงจุด ทั้งนี้ ที่ทำการด่านชายแดน ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการค้าระหว่างไทย-ลาว เป็นศูนย์กลางเชื่อมระบบขนส่งและการกระจายสินค้าของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน) ไปยังประเทศลาวและประเทศจีน ด้วยเห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของด่านฯ และต้องการอำนวยความสะดวก และลดอุปสรรค เพิ่มศักยภาพด้านการค้าและการขนส่ง โดยเฉพาะการส่งออกวัวจากประเทศไทยไปประเทศจีน
โดยกระทรวงพาณิชย์พบว่า ประเทศจีนมีความต้องการนำเข้าวัวจากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลได้มีการหารือกับประเทศจีนให้สามารถกักกันโรคที่ไทย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง โดยเป้าหมายการส่งออกวัวไทยไปยังประเทศจีนอยู่ที่ 200,000 ตัวต่อปี ทำให้มูลค่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8,000 ล้านบาท จากยอดการส่งออกเดิม ณ ด่านการค้าชายแดนถาวรบ้านฮวกที่ปกติมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 720 ล้านบาท
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่พี่น้องเกษตรกร โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้ส่งเสริมการค้าตามแนวชายแดน และเน้นย้ำถึงการเชื่อมการขนส่งสินค้าไทยสู่ตลาดโลก รองรับการขยายตัวการค้าตามเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการขยายศักยภาพการค้าและการขนส่งผ่านด่านการค้าชายแดนจังหวัดพะเยา จะเป็นการยกระดับจังหวัดพะเยาในฐานะเมืองรองให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างโอกาสการเชื่อมโยงทางการค้ากับ สปป.ลาว เชื่อมโยงต่อไปยังประเทศจีน ผ่านรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ พร้อมกับให้รับฟังความเห็น ปัญหา อุปสรรค คนในพื้นที่เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของรัฐเป็นไปอย่างตรงจุด ครอบคลุม สำเร็จเป็นรูปธรรม” นายชัย กล่าว