xs
xsm
sm
md
lg

แฉมาดิคร้าบ! “บิ๊กต่อ” จะจบเรื่อง “โจ๊ก” ก่อนเกษียณ “หวานเจี๊ยบ” หลังผิงฝาตั้งป้อมเผา สตช. ! **รู้มั้ย !! ทำไม กกต.ส่งคำร้องยุบก้าวไกล ถึง มือศาล รธน.เร็ว แต่ยุบพรรคภูมิใจไทย ยังเงื้อง่าราคาแพง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**แฉมาดิคร้าบ! “บิ๊กต่อ” จะจบเรื่อง “โจ๊ก” ก่อนเกษียณ “หวานเจี๊ยบ” หลังผิงฝาตั้งป้อมเผา สตช. !

สภาพหลังพิงฝา และวิธีที่ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ใช้ต่อสู้คดีที่ตกเป็นผู้ต้องหา “ฟอกเงิน” เว็บพนันออนไลน์ เท่าที่รับทราบกันก็จะเห็นว่ามีตั้งแต่ ด้อยค่าพนักงานสอบสวน กระบวนการตั้งข้อหา ไปจนถึงตั้งคำ ถาม “หมายเรียก” ออกโดยชอบหรือไม่

ขณะที่ตัวเองบินไปเชียงใหม่ เสนอหน้าพินอบพิเทาเอาใจ “ทักษิณ ชินวัตร” คนมากบารมีในรัฐบาลตอนนี้ได้เห็น จะด้วยความหวังว่า เผื่อลุงโทนี่ผู้ป่วยที่แข็งแกร่งสุดในปฐพี จะร่ายมนตร์ช่วยอะไรได้หรือเปล่าไม่รู้ เอาเป็นว่า ตอนนี้ “โจ๊ก” เคลื่อนไหว อะไรทำ ได้ก็จะทำ หมดไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่ง

รวมไปถึงวิธีที่ใช้ ขู่ว่าจะแฉ “บิ๊กตำรวจ” คนนั้นคนนี้ มีเส้นเงิน-รับเงินเกี่ยวพันกับเว็บพนัน “โจ๊ก” ประกาศไว้แล้วล่วงหน้าว่า วันนี้ (19 มี.ค.) จะให้ทีมทนายตัวเองเปิดเผย

ฟังว่า เตรียมเปิดแผลบิ๊กตำรวจใช้เงินบัญชีม้าเว็บพนันไปทำ บุญหลักล้าน โดยตั้งใจจะเปรียบเปรยว่า มากกว่าที่ “ลูกน้องโจ๊ก” ใช้บัญชีม้าทำ บุญให้ลูกพี่หลักแสน แค่จิ๊บๆ แน่นอนว่า นอกจากนายตำ รวจทั้งบางจะกางเสื่อรอชม ในน้ำ เต้าโจ๊ก จะมีอะไรอีก ? สปอตไลต์ ก็ฉายไปที่ “บิ๊กต่อ เฟรนด์ลี่” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เบอร์หนึ่ง สตช. ด้วยเช่นกัน

“พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ถูกจับตาว่า จะเคลื่อนไหวอย่างไร โดยบอกว่า ในทางพฤตินัยแล้ว รับทราบกรณีโจ๊กถูกออกหมายเรียกเรียบร้อย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
ขณะที่ นั่งยันนอนยันว่า งานนี้ไม่มีเรื่องกลั่นแกล้งใคร ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน โดยหมายเรียกที่ออกครั้งที่ 1 ต้องรอดูผู้ถูกกล่าวหา ว่าจะเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หากยังไม่มาครบ 2 ครั้ง ขั้นตอนต่อไปพนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาออก “หมายจับ”

ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า การออกหมายเรียก มิชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากการสอบสวนไม่ถูกต้อง เพราะพนักงานสอบสวนไม่มีอำ นาจ เนื่องจากสำ นวนคดีอยู่ที่ ป.ป.ช.นั้น ผบ.ตร.ย้ำ ว่า คดีที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบเป็นคดีเว็บพนันมินนี่ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดี BNK Master ในพื้นที่ สน.เตาปูน ...อย่าสับสน

ถ้า “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” บริสุทธิ์ก็คือบริสุทธิ์ ตามขั้นตอนหาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกออกหมายเรียก และถูกออกหมายจับก็จะต้องมารายงานตัวในฐานะต้องคดีอาญา หลังจากนั้น สตช.ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อมีผล ก็จะสั่งให้พักราชการ โดยเชื่อว่า เรื่องดังกล่าวนี้ จะแล้วเสร็จ ก่อนที่ตัวเองจะเกษียณอายุราชการภายในเดือนกันยายนนี้ มาถึงไฮไลต์ กรณีที่ทีมทนายความของโจ๊ก จะออกมาแฉเส้นทางการเงิน โดยอ้างว่าจะสะเทือนไปทั้งสำ นักงานตำรวจแห่งชาติ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” บอกว่า ถ้าพยานหลักฐานถึงใคร ก็ต้องรับสภาพ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
หากชี้แจงไม่ได้ รวมถึงถ้าเส้นเงินถึงตัวเอง ก็ต้องรับสภาพเช่นเดียวกัน ซึ่งพยานหลักฐานทุกอย่างพิสูจน์ได้ ตามวิทยาศาสตร์ และมองว่าสำ นักงานตำ รวจแห่งชาติ จะแตกได้อย่างไร จะต้องดำรงอยู่ไว้ ส่วนใครจะผิดก็ว่าไปตามความผิด

มาถึงตอนนี้สำ หรับ “บิ๊กต่อ” เหมือนจะเดินหน้าคดีโจ๊ก ไปให้สุดทาง ทนายโจ๊กจะแฉอะไรก็ “บ่ย่าน” เข้าทำ นอง จริงไม่กลัว-กลัวไม่จริง นะครับนะ.

**รู้มั้ย !! ทำไม กกต.ส่งคำร้องยุบก้าวไกล ถึง มือศาล รธน.เร็ว แต่ยุบพรรคภูมิใจไทย ยังเงื้อง่าราคาแพง

รวดเร็วทันใจ คำ ร้องจาก กกต. ขอให้พิจารณาสั่งยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ตาม พ.ร.ป.ว่า

พรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) จากเหตุมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกล”กระทำ การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทำ การอันอาจเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปถึงมือศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการยื่นผ่าน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ E-filing ไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (18 มี.ค.)

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ
เท่ากับว่า กกต.ใช้เวลาไปเดือนเศษ หลังจากเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคในขณะนั้น และพรรคก้าวไกล ยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ตอนนี้ก็รอติดตามดูว่า วันที่ 20 มี.ค.นี้ จะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ และศาลฯ จะมีคำ สั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ หากรับไว้จะมีคำ สั่งเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างเช่น สั่งให้กรรมการบริหารพรรค หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฯ จะมีคำ วินิจฉัย เพราะถ้าถึงที่สุดหากมีการยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคก็จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองด้วย

ว่ากันว่า เรื่องนี้ มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัดไว้แล้ว ทีมสืบสวนสอบสวนของ กกต.ไม่ต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมมากมาย จึงสรุปสำ นวนคำ ร้องเพื่อเสนอต่อ “แสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อลงความเห็น ก่อนเสนอนำ เข้าสู่ที่ประชุม กกต.

อนุทิน ชาญวีรกูล
มีการนำ เรื่องยุบพรรคก้าวไกล ไปเปรียบเทียบกับการยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ที่ตอนนี้ยังไม่รู้มีความคืบหน้าไปถึงไหนคดียุบพรรคภูมิใจไทย มีที่มาจากคำ วินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน จากกรณี “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ถูกตัดสินว่า “ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี” จากการบริจาคเงินเข้าพรรคภูมิใจไทยจำ นวนมาก ของ “นอมินีศักดิ์สยาม” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยบริจาคเงินให้กับพรรคมาก่อน

ซึ่งไปเข้าข่ายว่า เป็นการกระทำ ผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 72 หรือไม่ ที่ห้ามไม่ให้พรรคการเมือง และผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบ

เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า เรื่องนี้ไม่ต่างจากกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน แล้วในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญ ก็สั่งยุบพรรคอนาคตใหม่

หากย้อนดูไทม์ไลน์จะเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่องของ “ศักดิ์สยาม” ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. 67 ส่วนเรื่องพรรค ก้าวไกล ล้มล้างการปกครอง ตัดสินวันที่ 31 ม.ค. ห่างกันประมาณ สองสัปดาห์

เรื่องนี้ “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต. บอกว่าที่ยังไม่สรุปเรื่องยุบพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานของคณะทำ งาน เพื่อส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณา

แสวง บุญมี
พูดง่ายๆว่า เรื่องยุบพรรคก้าวไกลนั้น ข้อมูล พยาน หลักฐาน มีความเพียบพร้อม สมบูรณ์กว่า เพราะอยู่ในคำ ตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ขณะที่ของ พรรคภูมิใจไทย ยังต้องมีการหาข้อมูล พยานหลักฐาน ต้องเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงซึ่งตามขั้นตอนของการทำ งานแล้ว คณะทำ งานสืบสวนสอบสวน เมื่อได้ข้อมูลหลักฐานเพียงพอแล้ว ก็จะต้องนำ เสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อมีความเห็นว่าจะยุบพรรคหรือไม่ ก่อนชงเข้าที่ประชุม กกต.เพื่อขอมติเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนเสนอศาลรัฐธรรมนูญ

และถ้าศาลรัฐธรรมนูญเกิดตัดสินยุบพรรคภูมิใจไทย และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคขึ้นมา นักการเมืองบิ๊กเนมอย่าง หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อาจต้องเว้นวรรคทางการเมืองไปตลอดชีวิตก็ได้

แต่ถ้านายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า ข้อมูล หลักฐาน ยังไม่เพียงพอ ก็จะสั่งให้คณะทำงานไปดำ เนินการต่อจนเป็นที่พอใจ

ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองก็คือ “แสวง บุญมี” เลขาฯกกต. และบังเอิญที่ “แสวง บุญมี” ก็เป็นคนบุรีรัมย์ บ้านเดียวกับ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เสียด้วยซี

ไม่รู้เพราะเหตุนี้หรือเปล่า ที่คดียุบพรรคภูมิใจไทย ยังไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ และจบอย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น