เปิดคำวินิจฉัยกกต.แจกใบดำ-ใบแดง “มุกดาวรรณ” ส.ส.นครศรีธรรมราช ภูมิใจไทย แจกเงินซื้อเสียงแลกลงคะแนน โดยมีการรู้เห็นใน 2 กรณี
วันนี้ (18 มี.ค.) เว็บไซต์สำนักงาน กกต.เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ที่มีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล ส.ส.นครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 8 ใหม่ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 138 และสั่งให้ นางมุกดาวรรณ รับผิดในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้ศาลฎีกามีคำสั่ง พร้อมดำเนินคดีอาญานางมุกดาวรรณ จ่าสิบเอก ถาวร แก้วศรีอ่อน และ นายวีระศักดิ์ คชเชนทร์ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตามมาตรา158 ของกฎหมายเดียวกัน
โดย กกต.ระบุพฤติกรรมว่า ระหว่างปลายเดือน มี.ค.- เม.ย. 66 จ่าสิบเอกถาวรซึ่งมีหลักฐานเป็นผู้ช่วยหาเสียงของนางมุกดาวรรณ ติดต่อให้พยานคนที่ 1 ของผู้ร้องเป็นตัวแทนหรือหัวคะแนนให้แก่นางมุกดาวรรณ โดยมอบหมายพยานคนที่ 1ส่งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้แก่จ่าสิบเอกถาวร ซึ่งวันที่ 12 พ.ค. 66 พยานคนที่ 1 ได้ไปที่บ้านพักจ่าสิบเอก ถาวร และได้รับเงินจากภริยาของจ่าสิบเอกถาวร จำนวน 25,000 บาท โดยให้นำไปแจกผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามรายชื่อที่ส่งให้เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้กับนางมุกดาวรรณ นอกจากนี้ยังปรากฏข้อความบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างพยานคนที่ 1 กับ จ่าสิบเอก ถาวร เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 66 โดย จ่าสิบเอก ถาวร ได้ขอให้พยานคนที่ 1 ติดต่อ นางมุกดาวรรณ เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีถูกกล่าวหาว่ามีการให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามข้อกล่าวหา และให้กล่าวว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินค่าน้ำยางและค่าแชร์ รวมถึงขอให้พยานคนที่ 1 เดินทางไปที่บ้านพักของนางมุกดาวรรณพร้อมกับตน ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 66 เวลา 12.44 น. นางมุกดาวรรณ โทรศัพท์ติดต่อพยานคนที่ 1 บอกว่า อยากพบ อยากรู้จักขอโอกาสได้เจอกันสักครั้งหนึ่ง เกรงว่าพยานคนที่ 1 จะไม่ได้รับความ เป็นธรรมและเดือดร้อน ซึ่งนางมุกดาวรรณบอกจะต่อสู้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ถ้ามีหนังสือจากสำนักงาน กกต.มาขอให้บอก
พร้อมให้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบุตรสาวนางมุกดาวรรณโดยบอกว่าให้พยานคนที่ 1 โทรติดต่อได้ตลอดเวลา กรณีจึงปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นางมุกดาวรรณ ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจ ให้จ่าสิบเอกถาวร ให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ตามข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ จากการไต่สวนยังรับฟังได้ว่า พยานคนที่ 2-5 ของผู้ร้องให้ถ้อยคำ สอดคล้องกันว่า นายวีระศักดิ์ คชเชนทร์ ได้เดินทางไปที่บ้านของพยานคนที่ 2 ซึ่งเป็นร้านขายอาหาร และชักชวนให้ไปฟังการปราศรัย ที่วัดปากเสียวใต้ พร้อมระบุว่า อีก 3 วันจะนำเงินค่าฟังปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของนางมุกดาวรรณ มามอบให้คนละ 200 บาท เมื่อพยานไปถึงสถานที่ฟังการปราศรัย และลงทะเบียนโดยระบุชื่อสกุล หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากนั้นวันที่ 20 มี.ค. 66 นายวีระศักดิ์ มาที่บ้านของพยานคนที่ 2 ให้เงินแก่พยานคนที่ 2-5 และบิดาพยานคนที่2 คนละ 200 บาท พร้อมบอกว่า ก่อนวันเลือกตั้งจะเอามาให้อีก 300 บาท ซึ่งจากการไต่สวนพยานคนที่ 5, 7 ก็ให้ถ้อยคำสอดคล้องในลักษณะเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวในวันเลือกตั้งที่ 14 พ.ค. 66 นายวีระศักดิ์ เดินทางมาหาพยานคนที่ 5 และให้เงินเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ฉบับ พับ 4 ส่วน เย็บติดกับกระดาษสีขาวเขียนข้อความว่า “บ้านน้าแนบ 4 คน 2,000” พร้อมกับกล่าวว่า “อย่าลืมเบอร์ 3” ซึ่งคำว่า “บ้านน้าแนบ” เป็นชื่อมารดาพยานคนที่ 5 ของผู้ร้อง ซึ่งเสียชีวิตประมาณ 2 ปีแล้ว นอกจากนี้ พยานคนที่ 8 ของผู้ร้องได้บันทึกเทปการสนทนาระหว่างตนกับ นายวีระศักดิ์ โดย นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า “ดูเถอะคน 67 คน แต่มี 6 คนเท่านั้นที่มีรายชื่อมาที่ได้จ่ายเงินให้ 6 คนเท่านั้นที่มีรายชื่อ” ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า มีการจ่ายเงินซื้อเสียงตามรายชื่อจำนวน 67 คน แต่กลับมีปัญหา จำนวน 6 คน ตามที่มีการกล่าวหา
ทั้ง 2 กรณี กกต.จึงเห็นว่า จึงปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นางมุกดาวรรณ ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ จ่าสิบเอก ถาวร และ นายวีระศักดิ์ ให้เงินแก่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ตามข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2560 มาตรา 73(1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้ง ส.ส. นครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 8ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนางมุกดาวรรณ ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม