อดีตรองโฆษกปชป. แฉเล่ห์ไฮโซสาว ปลอมชื่อสาวใช้ ยักยอกเงิน นับร้อยล้าน เหยื่อแจ้งความ 5 ปี คดีไม่คืบ หวั่นอิทธิพล ครอบงำสำนวน บี้ “บิ๊กต่อ ” เร่งรัดคดี ก่อนพยานถูกฆ่าปิดปาก วอน นำเข้าโครการคุ้มครองพยานด่วน!
วันนี้ (18มี.ค.) นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ย้อความบนเฟสบุ็ค เรื่อง เปิดเล่ห์ไฮโซสาวการเงิน ยักยอก ปลอมชื่อสาวใช้ โกงเงินนับร้อยล้าน มีเนื้อหาระบุว่า เมื่อวานนี่ (18 มี.ค.) ผมได้รับเรื่ิองร้อทุกข์จากนางสาว พ. (นามสมมุติ) เดินทางมาพร้อมลูกสาวที่สำนักงาน เล่าให้ฟังว่า เคยทำงานเป็นสาวใช้บ้านนายจ้างที่ซอยประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง เมื่อเปี 2561 ถึง 2562 ต่อมาภายหลังทราบว่า ถูกนายจ้างนางสาว ส (นามสมมุติ) ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท A (นามสมมุติ) บริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธุรกิจการให้ สินเชื่อภาคธุรกิจและสินเชื่อรายย่อย นำข้อมูลส่วนตัวสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของตน ไปจดทะเบียนเข้าเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท P (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้ากับบริษัท A นายจ้าง
หลังจากนั้นได้นำข้อมูลของตนไปเปิดบัญชีกับธนาคารแห่งหนึ่ง แล้วทำการทุจริตยักยอกเงินออกจากบัญชีบริษัท P ไปหลายครั้งนับร้อยล้านบาท โดยที่ตนเองไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมใด ๆ เลย ต่อมาบริษัท A กับบริษัท P มีคดีพิพาทกัน จึงทราบเรื่อง ว่าถูกนางสาว ส.ปลอมลายมือชื่อของตนในการทำธุรรมต่างๆ หลายครั้ง จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับนางสาว ส. นายจ้าง ต่อพนักงานสอบสวนกองกับกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2563 จนถึงบัดนี้คดียังไม่คืบ จึงเชื่อว่าน่าจะมีอิทธิพลบางอย่างเหนือ สำนวนการสอบสวน เนื่องจากนางสาว ส. เป็นคนที่มีอิทธิพลทางด้านการเงิน และรู้จักสนิทสนนมกับผู้หลักผู้ใหญ่ระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเกรงว่าตนเองและครอบครัวอาจจะไม่มีความปลอดภัย และคดีอาจจะพลิก จึงขอความช่วยเหลือให้ผมช่วยเร่งรัดติดตามคดีและติดต่อหน่วยงานของรัฐเพื่อคุ้มครองตนเองในฐานะพยานสำคัญ เนื่องจากมีความพยายามให้ตนกลับคำให้การตลอด
" ผมจึงขอส่งเสียงดังๆ ไปถึงพล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 เรื่อง คือ 1. ขอให้นำพยานปากนี้เข้าสู่โครงการคุ้มครองพยานตามกฎหมาย และ 2 ช่วยลงมาติดตามเร่งรัดเรื่องนี้หน่อยครับ คดีเกิดตั้งแต่ปี 2562 แต่ยังเดินไปไม่ถึงไหน สำนวนยังอยู่ที่พนักงานสอบสวน ทั้งที่พยานหลักฐานชัดเจนไม่มีอะไรซับซ้อน อย่าปล่อยให้พยานสำคัญถูกอุ้มหายตายไปเสียก่อนสำนวนจึงจะเดิน " นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย