ข่าวปนคน คนปนข่าว
**หมายเรียกไม่รับ "โจ๊ก" ไม่ผิดจะกลัวอะไร?! เผือกร้อน "บิ๊กต่อ" ไฟต์บังคับต้องฟัน!
กรณีของ "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มาถึงไฮไลต์สำคัญอีกครั้ง เมื่อคณะพนักงานสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์ มอบหมายให้ สน.ทุ่งสองห้อง ออกหมายเรียก “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” เพื่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) ในวันที่ 21 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงินฯ และสมคบร่วมกันฟอกเงิน”
เท่ากับว่า “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ตกเป็นผู้ต้องหา เข้ากระบวนการยุติธรรมไปตามขั้นตอน กงล้อของกฎหมายเริ่มทำงาน
แทนที่จะเชิดอก พร้อมพิสูจน์ข้อกล่าวหา หรืองัดหลักฐานต่อสู้คดี “โจ๊ก”กลับเลือกวิธีการที่ใครเห็นแล้วก็ส่ายหน้า คนนินทา หมาดูถูก ถ้าไม่ผิดจะกลัวอะไร ?
ช่างไม่สมตำแหน่งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ รอง ผบ.ตร. พึงกระทำเอาเสียเลย
หมดราคา หมดสง่าราศี ด้วยการ "หาเหตุ" จับผิดจุ๊กจิก เล่นแท็กติก ตีสำนวนโวหาร ไม่ยอมรับหมายเรียก
โหวกเหวกโวยวายว่า ต้องดูก่อนว่าเป็นหมายอะไร และสอบสวนโดยชอบหรือไม่ชอบ ถ้าเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ การออกหมายเรียก ก็เป็นการออกโดยมิชอบ
สั่งแม้กระทั่ง รปภ.หมู่บ้าน ให้เล่นเกมยื้อกับเจ้าหน้าที่ ไม่ให้เข้าไปส่งหมายเรียกได้
“โจ๊ก”ยังป่าวประกาศอีกว่า วันอังคารที่19 มี.ค.นี้ ให้รอฟังทนายของตัวเองจะแฉ ปมที่ตัวเองถูกออกหมายเรียก
ขณะที่ทนายรับลูกทันที บอกว่านอกจากจะแถลงปมข้อกล่าวหาโจ๊กพร้อมพวกแล้ว ยังพร้อมเปิดเส้นทางการเงินสำคัญ เชื่อมโยง“บิ๊กตำรวจใหญ่”ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และครอบครัวที่รับผิดชอบโดยตรงกับพนันออนไลน์
เรียกว่า เอ็งกล่าวหาข้าชั่ว เอ็งก็เลวไม่แพ้ข้า
นี่เป็นคำขู่ ที่ขู่มาตลอดหลายเดือนที่มีเรื่องลูกน้องโดนจับ และถูกดำเนินคดีพัวพันเว็บพนันออนไลน์ จนผ่านมาถึงตรงนี้ คำขู่ก็ยังไม่แฉออกมาสักที ก็หวังว่าวันอังคารนี้ “ทนายของโจ๊ก”จะพูดออกมาให้หมดเปลือก! รู้ชั่ว รู้เลวกันไป เอาให้ชัดๆ หลักฐานที่ว่าเด็ด เส้นทางการเงินของใคร ไหลมาจากเว็บพนันออนไลน์ แล้วไปไหน เปิดออกมาให้หมดชัดๆ เหมือนที่ลูกน้องตัวเองใช้ "บัญชีม้า" ไปทำบุญ ไปใช้จ่ายให้คนในครอบครัว กล้าพอที่จะแฉหรือไม่ ?!
หากทนายเล่นตีฝีปาก กล่าวหาพร่าๆ มัวๆ เพราะไม่มีประจักษ์พยาน รับประกันได้ว่า คิดจะกล่าวหาผู้อื่น บูมเมอแรงจะย้อนกลับเข้าหาตัวอีกหลายคดี อย่างน้อย ม.157 รู้ว่าตำรวจใหญ่เหล่านั้นทำผิด ตัวเองกลับละเว้นปฏิบัติหน้าที่ !
ทางเลือกของ “โจ๊ก” มีไม่มากนักที่จะกลับมามีชีวิตที่ 10 นอกจากใช้แทกติกซื้อเวลา และให้ทนายพยายามบอกชาวบ้านว่า คดีอยู่ที่ ป.ป.ช.แล้ว หาทางเชื่อมโยงคดีที่ถูกหมายเรียกให้ไปรวมกัน เพราะ “โจ๊ก” เชื่อมั่นว่า ป.ป.ช.เอาอยู่ เหมือนคดีที่ผ่านๆ มาของตัวเอง แต่โบราณว่าไว้ คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต จะดีดลูกคิดรางแก้วยังไง ก็หนีไม่พ้น เพราะความจริงที่มีหนึ่งเดียว! พนักงานสอบสวนมีหลักฐานแน่นหนา
งานนี้ให้จับตา "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ให้ดี จะสั่งการอย่างไรกับเผือกร้อนนี้ !? แว่วว่า เบื้องต้น “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” เตรียมลงนามแต่งตั้ง “พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง” จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานสอบวินัย “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์”ตามขั้นตอน
จากนั้น ผบ.ตร.มีอำนาจและหน้าที่ สั่งให้ “โจ๊ก” ไปตามหมายเรียก ว่ากันไปตามกฎหมาย ยุติปัญหานี้เสียที ที่ครหากันว่า หงอโจ๊ก กลัวจะร้อนลวกมือ !? ไฟต์บังคับจะฟันโช๊ะๆ แค่ไหนอย่างไร โปรดติดตามอย่ากระพริบตา
** “ทักษิณ”เซ็ง!! บอกใครไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่ หงุดหงิดถูกจับผิดป่วยทิพย์ มวลชนเสื้อแดงหดหาย แถมเอาโลงมาประท้วง
ทริปเชียงใหม่ไปเยี่ยมญาติ ไหว้บรรพบุรุษ ของ“ทักษิณ ชินวัตร”ระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค. ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย
ก่อนไปก็คาดหมายกันว่า จะมีมวลชนคนเสื้อแดงมารอต้อนรับ “อดีตนายกฯในดวงใจ” กันมืดฟ้ามัวดิน แต่พอไปถึงกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เปรียบเปรยกันว่ามวลชนคนเสื้อแดง มากันน้อยกว่าทัพสื่อมวลชนที่ติดตามไปทำข่าวเสียอีก
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีอดีตมวลชนเสื้อแดง ขนโลงศพสีแดง มารวมตัวกันที่หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยืนถือป้ายดักรอขบวนรถยนต์ของ “ทักษิณ” ที่กลับจากการขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ รอทวงถามถึงจิตสำนึก และความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต 53 ศพ จากการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ตามที่ทักษิณ ปลุกเร้า
ไม่มามอบดอกไม้แล้วยังจะมามอบโลงศพให้อีก!!
ขณะที่กระแสในโซเชียลฯ ก็วิพากวิจารณ์ เสียดเย้ยกันสนุกสนานถึงเรื่อง “ป่วยทิพย์” มีคนป่วยที่ไหน ตื่นตั้งแต่ตีสี่ ไปไหว้ศาลหลักเมือง และเดินทางไปเชียงใหม่ พอไปถึงก็มีโปรแกรมไปที่นั่น ที่นี่ แน่นเอี๊ยดเหมือนนายกฯไปตรวจราชการ ตรวจแหล่งน้ำ ทำบุญ ปล่อยปลา ปลูกต้นไม้ ไปจนถึงค่ำยังมีเลี้ยงรุ่นอีก การเคลื่อนไหว ลุก นั่ง ไม่มีติดขัด เหมือนที่บอกว่าเป็นโรคเอ็นหัวไหล่เปื่อยยุ่ย กระดูกคอเสื่อม
รุ่งขึ้นอีกวันก็ตื่นแต่เช้า ไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ ก่อนจะไปไหว้สุสานบรรพบุรุษ ปิดท้ายด้วยดินเนอร์ มี 3 นายกฯนั่งเคียงกัน รัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีกเต็มโต๊ะ
เมื่อพูดถึงเรื่องป่วยทิพย์แล้ว ที่ตามมาก็คือเสียงวิจารณ์ว่า ทำตัวเหนือกฎหมาย ย่ำยีกระบวนการยุติธรรม
ตลอด 2 วันครึ่ง ที่ “ทักษิณ”อยู่ที่เชียงใหม่ จึงกลายเป็นว่า มีความสุขอยู่กับญาติ มิตร คนในครอบครัว เพื่อนฝูงรุ่นเก่า แต่ผิดหวังกับมวลชนคนเสื้อแดงที่มากัน หรอมแหรม หากมองในทางการเมืองต้องถือว่าเสียหาย ขายหน้า!!
นี่กระมังจึงเป็นที่มาของคำว่า...“ใครไม่ชอบหน้า ก็ต่างคนต่างอยู่” ระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อช่วงหนึ่ง ถึงประเด็น ดรามาเรื่องป่วยทิพย์ และเสียงวิจารณ์ทางการเมือง
เรื่องนี้ “ราเมศ รัตนะเชวง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การตั้งข้อสงสัยว่าทักษิณ ป่วยจริงหรือไม่ จนเป็นที่มาของคำว่า ไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่ ว่า หลักการสำคัญของเรื่องนี้คือ การตรวจสอบ ท้วงติง การดำเนินการที่ไม่ชอบมาพากลของปลายทางกระบวนการยุติธรรม เพราะประเทศนี้ปกครองด้วยกฎหมาย ฉะนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายต้องมี ถ้าต่างคนต่างเห็นด้วยกับความไม่ถูกต้อง เห็นด้วยกับการไม่เคารพหลักกฎหมายแล้ว บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ที่นี่ประเทศไทย ไม่ใช่บริษัทของ “ทักษิณ” อย่าคิดว่ามีเสียงข้างมากแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
ขณะที่ “เทพไท เสนพงศ์” อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ นักโทษที่ได้รับการพักโทษเหมือน ทักษิณ และเกาะติด วิพากวิจารณ์ กรณี ทักษิณติดโรงพยาบาล โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวว่า ที่วิพากษ์วิจารณ์นั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องการไม่ชอบหน้ากัน แต่เป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายของบ้านเมือง ถ้าเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัวแล้ว “ต่างคนต่างอยู่” นั้นไม่มีปัญหา แต่เมื่อเป็นเรื่องของส่วนรวม ตนเองในฐานะนักโทษคนหนึ่ง ที่ไม่ได้รับสิทธิ์เท่าทักษิณ จึงจำเป็นต้องวิพากษ์วิจารณ์ นำความจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณชน
ส่วน “เจี๊ยบ” อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.พรรคก้าวไกล นี่มาแรง บอกว่า แทนที่ “ทักษิณ” จะใช้โอกาสเป็นรัฐบาล ผลักดันกม.นิรโทษกรรม เพื่ออิสรภาพของทุกคน ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากคดีความทางการเมือง
แต่นี่กลับดีลกับกลุ่มสืบทอดอำนาจเผด็จการ ถือว่าเป็นดีลที่เห็นแก่ตัว ฉุดพัฒนาการประชาธิปไตยของประเทศถอยหลังลงคลอง แล้วกลับมา “ติดคุกทิพย์” ตามดีล เย้ยหยัน ทำลายกระบวนการยุติธรรม
เสร็จแล้วไม่อยู่บ้านเลี้ยงหลานตามที่คุย มาเดินสายขอความเข้าใจ เห็นใจคนแก่อายุ 75 ใครไม่ชอบผม ก็ต่างคนต่างอยู่
“เดินสายไม่เลี้ยงหลานอยู่บ้าน ดูทรงแล้วไม่ปลง ออกไปทางมักใหญ่ใฝ่สูง อยากเป็นสมเด็จ แบบฮุนเซน”