“ศิริกัญญา” โวย สภามีอำนาจพิจารณางบปี 67 น้อย เหตุหน่วยงานรัฐใช้งบไปพลางก่อนแล้วเกือบ 2 ล้านล้าน หวังแก้ช่องโหว่ สงสัยตัดงบก้อนใหญ่วันสุดท้าย ดึงงบไม่มีเจ้าภาพเข้างบกลาง เชื่อรัฐบาลหาทางลงดิจิทัลวอลเล็ต เย้ยไม่เกิดแน่
วันที่ 15 มี.ค.2567 ที่พรรคก้าวไกล คณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 สัดส่วนพรรคก้าวไกล นำโดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และนายชยพล สท้อนดี สส.กทม. แถลงข่าว Policy Watch ในหัวข้อ “รวบตึงงบฯ 67 จากห้อง กมธ.”
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ปีนี้เรามีทำงานกระชับ เร็วขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากงบประมาณออกล่าช้า เท่าที่ตนจำได้ ไม่มีปีไหนที่เร็วที่สุดมาก่อน อีกสาเหตุหนึ่งเนื่องจากมีการใช้งบในหน่วยงานราชการไปพลางก่อนแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในการอนุมัติงบไปแล้วคือ หน่วยงานเริ่มใช้งบไปก่อน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และพอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเงินก้อน 3.48 ล้านล้านบาท จะมีเกือบ 2 ล้านล้านบาทถูกอนุมัติและใช้ไปแล้ว ดังนั้น ในความเป็นจริง สภาฯ มีอำนาจพิจารณาจริงจังแค่ 41% เท่านั้น ซึ่งวิธีการแบบนี้มีปัญหาและช่องโหว่ แม้จะทำตามรัฐธรรมนูญ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราพบการอนุมัติหลักเกณฑ์ว่าใช้อะไรได้ อะไรไม่ได้ มี ผอ.สำนักงบประมาณ แค่คนเดียวที่มีอำนาจอนุมัติ เราเลยคิดว่าช่องโหว่ตรงนี้ ควรได้รับการอนุมัติโดย ครม.หรือนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะมีผู้รับผิดชอบในส่วนที่สภาฯ ไม่สามารถอนุมัติได้
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ตามปกติทุกปี กมธ.งบประมาณ จะต้องตั้งอนุ กมธ.มาทำงาน เพื่อพิจารณารายละเอียด ที่ผ่านมาจะแบ่งตามรายการ แต่ปีนี้มีเรื่องแปลกใหม่ คือแบ่งกันตามกระทรวง แต่ละอนุ กมธ.จะมีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของรัฐมนตรีที่สังกัดพรรคนั้นอยู่ เช่น อนุ กมธ.เศรษฐกิจ จะมีกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน เราจะทราบว่ารัฐมนตรีนั้นมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ดังนั้น อนุ กมธ.ก็จะมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติเช่นกัน หรือ อนุกมธ.ทรัพยากรบุคคล อุดมศึกษา แรงงาน ก็จะมาจากพรรคภูมิใจไทย
“ก็มีเสียงบ่น เสียงห่วงใยมาจากในหลาย กมธ.และอนุ กมธ.ว่าทำจัดแบบนี้ จะเกิดเหตุการณ์เข้ามาปกป้องงบของรัฐมนตรีหรือไม่” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า นอกจากนี้มีความพยายามเร่งตัดงบในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการพิจารณาของอนุ กมธ. เช่น เรือฟริเกต ก็ตัดวันสุดท้าย การก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 ของสนามบินอู่ตะเภา กองทัพเรือก็ถูกตัดวันสุดท้าย แต่มีการอุทธรณ์และคืนงบไป ยังมีอีกหลายรายการที่ตัดในห้อง กมธ.ใหญ่ ในส่วนแผนบูรณาการถูกตัดงบมากที่สุด เนื่องจากไม่มีเจ้าที่ ไม่มีเจ้าภาพ แต่สุดท้ายก็อุทธรณ์
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ปีนี้ตัดงบไปได้ 9,024 ล้านบาท เงินส่วนนี้จะถูกเฉลี่ยไปที่หน่วยงานที่ของบเพิ่ม ซึ่งส่วนใหญ่จะไปลงที่งบกลาง โดยกระทรวงที่ได้งบเพิ่มคือกระทรวงแรงงาน เนื่องจากเราเห็นว่าควรได้เงินสมทบประกันสังคม ทุกวันนี้ผู้ประกันตนถูกรัฐบาลเล่นตุกติกอยู่ เนื่องจากไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยครบ ไม่เคยจ่ายเงินสมทบ ขณะเดียวกันกระทรวงที่ถูกตัดงบที่สุดคือกระทรวงกลาโหม โดยรายการใหญ่ที่สุดที่ถูกตัดคืองบจัดซื้อเรือฟริเกต รองลงมาคือกระทรวงมหาดไทย ตัดงบฝายซีเมนต์
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวย้ำว่า สาเหตุที่อยากโยกงบไปงบกลาง เนื่องจากการจัดสรรงบผิดพลาดใน 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องชดใช้เงินคงคลังเกือบ 1.2 แสนล้านบาท แทนที่ควรตั้งเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ เงินชำระหนี้ให้ได้ ที่ผ่านมามีการตั้งงบไว้ขาด ปีนี้ก็ยังตั้งงบไว้ไม่เพียงพออีก ทำให้ต้องแปรเพิ่มให้กว่า 7,000 ล้าน
นอกจากนี้ยังส่งเงินไปที่เงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินยามจำเป็น ซึ่งตรวจสอบได้ยาก เนื่องจากนายกฯมีอำนาจเต็ม กมธ.ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล จึงเจรจาอนุมัติให้แลกกับเพิ่มเงินในกองทุนประกันสังคม
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสงสัยว่าการโยกงบไปอยู่ที่งบกลางนั้น เพราะจะนำไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากงบที่ได้คนละไซส์กับดิจิทัลวอลเล็ต ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะไม่เกิดขึ้นภายในงบปี 67 แน่นอน เพราะยังไม่มีแหล่งที่มาของเงินที่ชัดเจน
จนถึงวันนี้ครบ 30 วัน หลังจากประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ และไม่มีการนัดประชุมอีกเลย รวมถึงไม่มีการแจ้งล่วงหน้า จึงเท่ากับกระบวนการล่าช้าออกไปอีก ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่าอาจเป็นมาจากคณะอนุกรรมการยังทำงานไม่เสร็จ ซึ่งไม่แน่ใจว่าที่ไม่เสร็จ เพราะไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจจากการไปรับฟังภาคส่วนต่างๆ ใช่หรือไม่
เมื่อถามว่ายังยืนยันว่าเป็นการหาทางลงของรัฐบาลใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลยืนยันมาตลอดว่า รัฐบาลเลือกเส้นทางที่ลุยไฟมากที่สุด วันนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางไปต่อแล้ว และน่าจะกำลังหาทางลงอยู่ เพราะมองว่าแม้จะไม่ได้ทำโครงการนี้ รัฐบาลไม่ต้องกังวลมาก เพราะจากโพลที่ออกมา ประชาชนอาจเสียใจแต่ไม่โกรธรัฐบาล