xs
xsm
sm
md
lg

"ลูกน้องโจ๊ก"ขายทองหนักหมื่นกว่าบาท ปปง. สาวแล้ว "หวานเจี๊ยบ" โผล่รับ “โทนี่” งานนี้มันจบแล้วน้อง!? **ทักษิณหายป่วย!! แอ่วเชียงใหม่ ใครๆ ก็เรียกท่านนายกฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**"ลูกน้องโจ๊ก"ขายทองหนักหมื่นกว่าบาท ปปง. สาวแล้ว "หวานเจี๊ยบ" โผล่รับ “โทนี่” งานนี้มันจบแล้วน้อง!?

เรื่องของ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตอนนี้ยิ่งขุดก็ยิ่งเจอ

อย่างคดีที่ไปพัวพันเว็บพนันออนไลน์ และความผิดฐานฟอกเงิน โดยเฉพาะกรณีพนักงานสอบสวนพบว่า นายตำรวจผู้ติดตามคนสนิท จัดการขายทองคำน้ำหนักรวมกว่าหมื่นบาท ได้เงินกว่า 270 ล้าน ที่ทำเอาคนในสังคม ปากอ้า ตาค้าง เกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า ทองคำแท้จำนวนมากขนาดนั้น ก่อนจะขายไป ท่านได้แต่ใดมา

ฟังว่า งานนี้ถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเรียบโร้ย... ซึ่งเท่ากับคอนเฟิร์มว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิทาน

ส่วนจะได้มาอย่างไร แบบไหน ลูกน้องโจ๊ก และ รวมถึงตัวโจ๊กก็ต้องไปชี้แจงกับ ปปง. เอาเอง โดย “วิทยา นีติธรรม”โฆษกปปง. แถลงชัดเจน พบว่า มีการรายงานธุรกรรมการซื้อขายทองดังกล่าวมายัง ปปง.แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

รวมไปถึง กรณีที่ “โจ๊ก” ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงินในคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master พื้นที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูนนั้น ขณะนี้ ปปง. อยู่ระหว่างการงานร่วมกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน เพื่อจะนำรายงานการสอบสวนในคดีมาพิจารณาว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายมูลฐานความผิดการฟอกเงินหรือไม่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
ส่วนการออกหมายเรียก “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” นั้น มีข่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือถึง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว เพื่อพิจารณาแต่งตั้งหัวหน้าชุด ซึ่งเป็นระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มากำกับดูแลคดีนี้ ซึ่งยังต้องรอการพิจารณาจากผู้บังคับบัญชา จึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้

เรียกว่า กงล้อของกระบวนการตามกฎหมายกำลังหมุนอย่างเต็มที่

ขณะที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” นอกจากใช้ทนายฟ้อง “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในข้อหาหมิ่นประมาท และขู่จะแฉคนใน สตช.ให้ตายหมู่ ทางหนึ่งก็วิ่งขึ้นเหนือไปรอต้อนรับ “ทักษิณ ชินวัตร”แอ่วเชียงใหม่ แบบชวนให้คิด “โจ๊ก” ไปเอาแสง หรือ จะไปล็อบบี้อะไรกับทักษิณ หรือไม่ ?

เพราะด้วยหน้าที่ดูแลความปลอดภัยหาก “โจ๊ก” จะอ้างเป็นหน้าที่ ที่ต้องไปอำนวยความสะดวกให้ พี่โทนี่โคตรVVIP ลำพังสั่งการให้ท้องที่ “พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร” ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ดูแลก็น่าจะเอาอยู่หรือเปล่า?

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
แว่วว่า งานนี้ “ลุงโทนี่” ก็ดูออก ความพินอบพิเทาของ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ไม่ได้เกิดจากใจหากเป็น “การละคร” ที่มาพร้อมกับความต้องการของตัวเองอะไรบางอย่าง

“ทักษิณ” ไม่ใช่คนโง่ หากจะเลือกจะใช้บริการตำรวจตอนนี้ย่อมมีตัวเลือกในใจไว้แล้ว แต่ย่อมไม่ใช่ “โจ๊ก” แน่

สำหรับ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ในสายตาของอดีตตำรวจอย่าง “พี่โทนี่” ต้องพูดว่า มันจบแล้วน้อง!

**ทักษิณหายป่วย!! แอ่วเชียงใหม่ ใครๆ ก็เรียกท่านนายกฯ

ทักษิณปล่อยปลา
ถือว่าเป็นการออกมาพบปะผู้คนเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ
หลังได้รับการพักโทษ และพักฟื้นเก็บตัวอยู่ในบ้านจันทร์ส่องหล้า มาเกือบ 1
เดือน เมื่อวานนี้ (14มี.ค.) “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ได้เวลาไปแอ่วเชียงใหม่
บ้านเกิด ตามที่ได้ขออนุญาตกรมบังคับคดีเอาไว้

โดยตั้งแต่เช้ามืด
“ทักษิณ” พร้อมด้วย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก และ “ปอ”
ปิฎก สุขสวัสดิ์ ลูกเขย ได้เดินทางไปสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ
เอาฤกษ์เอาชัย โดย“ทักษิณ” ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงิน ใส่แมสก์
และยังสวมใส่เฝือกอ่อนที่คอ ส่วนที่พยุงแขนเนื่องจากอาการ
“เอ็นหัวไหล่เปื่อยยุ่ย”นั้น ไม่ต้องใช้แล้ว

พอภาพการไปสักการะศาลหลักเมืองเผยแพร่ออกไป
ทั้งการเดินเหิน การไหว้ ผูกผ้าแพรที่หลักเมือง ดูทะมัดทะแมง
ไม่เหมือนคนป่วยหนักก่อนหน้านี้

จึงมีเสียงวิพากวิจารณ์ตามมาว่า หายเร็วจัง แต่ส่วนใหญ่เห็นว่าที่ผ่านมานั้น ป่วยการเมือง!!

ทักษิณกับเพื่อร่วมรุ่นมงฟอร์ดวิทยาลัย
จากนั้น “ทักษิณ” ไปขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่ดอนเมือง เดินทางไป จ.เชียงใหม่ และเมื่อไปถึงสนามบินเชียงใหม่ ก็ไม่ได้มีพิธีการต้อนรับใดๆ

จุดแรกที่ “ทักษิณ”เดินทางไปคือ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ที่เคยใช้จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ในปี 2549 ซึ่งเป็นโครงการที่ “ทักษิณ” เป็นผู้ริเริ่มผลักดันสมัยเป็นนายกฯ โดย ครม.อนุมัติโครงการเมื่อเดือนมิ.ย.46 แต้สร้างยังไม่ทันเสร็จ ก็เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย.49 เสียก่อน

ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์นี้ นอกจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งมารอให้การต้อนรับแล้ว “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว และ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นน้องเขย มารอรับด้วย และที่เซอร์ไพรส์ก็คือ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์, “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. , “สว.ก๊อง” พิชัย เลิศพงษ์อดิศร นายกอบจ.เชียงใหม่ และ “นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร”ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ก็มารอรับ เพื่อนำชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์ด้วย

ทักษิณปลูกต้นรวงผึ่ง
จากนั้น “ทักษิณและคณะ” ได้ไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านช้างม่อยกาแฟ เสร็จแล้วเดินทางไปที่ อ่างเก็บน้ำหนองเขียว ห้วยหยวก ต.ช้างเผือก อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ ซึ้งอยู่ใกล้กับศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ช่วงนี้ มี “เกรียง กัลป์ตินันท์” รมช.มหาดไทย มาร่วมคณะเพิ่มเติม

โครงการปรับปรุงสระเก็บน้ำหนองเขียว ซึ่งองค์บริหารส่วนจังหวัด ได้บูรณะปรับปรุง ให้เป็นแลนด์มาร์คและสถานที่ออกกำลังกายแห่งใหม่ของ จ.เชียงใหม่ ซึ่งช่วงนี้ “ร.อ.ธรรมนัส” และ “พิชัย” นายกอบจ.เชียงใหม่ คอยอธิบาย ตอบคำถาม และฟังคำเสนอแนะจาก ทักษิณ ว่าควรจะบริหารจัดการน้ำอย่างไร จึงจะแก้ได้ ทั้งปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง

ซึ่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำดังกล่าว จะผันลงยังคลองแม่ข่า ซึ่งกำลังพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่กลางเมืองเชียงใหม่ ขนาด “อุ๊งอ๊ง” ถึงกับออกปากว่านี่เป็นโอตารุ เมืองไทย

โอกาสนี้ “ทักษิณ” ได้กราบนมัสการ พระเทพมังคลาจารย์ (สมาน) ฉายา กิตฺติโสภโณ วัดท่าตอน พระอารามหลวง ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ โดยท่านเจ้าคณะได้มอบลูกประคำไม้กฤษณา พระสมเด็จวัดปากน้ำ พร้อมว่าคาถา ฮักเน้อ ให้คนฮักคนชอบ และอวยพรว่าขอให้อยู่กับบ้านกับเมืองไปชั่วชีวิต ไม่ต้องไปไหนแล้ว จากนั้น ทักษิณ พร้อมครอบครัว ได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลากว่า 30,000 ตัว พร้อมทั้งปลูกต้นรวงผึ้ง เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วย

ทักษิณ ชินวัตร ที่อุทยายหลวงราชพฤกษ์
จากนั้น “ทักษิณ”และคณะ เดินทางมายังหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สา อ.แม่ริม เพื่อตรวจเยี่ยม และแนะนำถึงการบริหารจัดการแหล่งต้นน้ำ เพื่อความยั่งยืน

หลังจากตะเวนชมโครงการ และได้ให้คำแนะนำถึงแผนพัฒนาแหล่งน้ำของเมืองเชียงใหม่แล้ว ตกเย็น “ทักษิณ” ก็ไปรับประทานอาหารที่ ภัตตาคารเจี่ยท้งเฮง ฟ้าฮ่าม ซึ่งเป็นร้านอาหารจีนเก่าแก่ และเป็นร้านประจำที่คนในตระกูลชินวัตร มักจะแวะเวียนมาอุดหนุน

โดยในครั้งนี้ นอกจากคนในตระกูลชินวัตร จะมาร่วมรับประทานอาหารด้วยแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนมงฟอร์ดวิทยาลัย รุ่น 08 จำนวน 38 คน และบุคคลสำคัญอย่าง “เจ้าสัว คีรี กาญจนพาสน์” ประธานกรรมการบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮดิ้งส์ จำกัด “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์ “เกรียง กัลป์ตินันท์” รมช.มหาดไทย “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. และ นักการเมืองท้องถิ่น จำนวนหนึ่งด้วย ซึ่ง “ทักษิณ” ได้ตอบคำถามถึงเรื่องสุขภาพว่า “ดีขึ้นเยอะ เหลืออีกนิดหนึ่ง”

การเยือนเชียงใหม่ครั้งนี้ จากภาพที่ปรากฏ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งการลุกนั่ง เดิน ไหว้พระ ปล่อยปลา ปลูกต้นไม้ ล้วนทำได้แบบไม่เคอะเขิน ติดขัด ไม่มีอาการของคนป่วยให้เห็น แถมกิจกรรมที่ทำ ช่างเหมือนกับการออกทัวร์ของนายกรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่พบปะประชาชน

ที่สำคัญคือ ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีประชาชนมารอต้อนรับ มีเสียงเรียก ท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ให้ได้ยินตลอด

ก็คงถูกแล้วที่มีเสียงค่อนแคะว่า ตอนนี้ประเทศไทยมีนายกฯ สองคน สามคน!!


กำลังโหลดความคิดเห็น