“เกณิกา” เผย รัฐบาลห่วงใยโรคหัดและไอกรนในเด็ก ชี้ เด็กรับวัคซีนขั้นพื้นฐานน้อยลง เชิญชวนผู้ปกครองนำบุตรหลานรับวัคซีนพื้นฐาน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ฟรี
วันที่ 14 มี.ค. 67 น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความห่วงใยและใส่ใจสุขภาพของประชาชนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ ที่รับผิดชอบโดยตรงเล็งเห็นว่าเด็กอาจเสี่ยงติดโรคหัดและไอกรน ที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ อาจส่งผลให้สียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่มีโรคประจำตัว ซึ่งสถานการณ์โรคหัดในปี 2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับอัตราการฉีดวัคซีนในเด็กเล็กลดลงเหลือ 86.4% จากเกณฑ์มาตรฐาน 95% อาจนำไปสู่การระบาดของโรคได้
น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีความห่วยใยการป่วยด้วยโรคหัด และไอกรน อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่มีโรคประจำตัว และช่วงหลังก็เริ่มพบในเด็กอายุมากกว่า 5 ปีเพิ่มขึ้น ซึ่งเกือบทั้งหมดไม่ได้รับวัคซีนมาก่อน โดยการเข้าถึงวัคซีนไอกรนในเด็กไทยที่ครบโดส 5 เข็ม ในปัจจุบันนี้ยังไม่ถึง 90% ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าให้มีการฉีดถึง 100%
“รัฐบาลขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน เชิญชวนให้นำบุตรหลานของท่านไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ซึ่งเป็น 1 ในวัคซีนพื้นฐานที่เด็กทุกคนจะต้องได้รับตามชุดสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นการฉีดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากนี้ ขอให้ตรวจสอบการได้รับวัคซีนพื้นฐานของลูกหลาน ว่าได้ครบตามกำหนดหรือไม่ ถ้ายังขาดอยู่ ก็ขอให้รีบไปรับ ให้ครบตามกำหนดโดยเร็ว เพื่อป้องกันการระบาดของโรค เช่น โรคหัด โปลิโอ โรคคอตีบ ไอกรน และโรคอื่นๆที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน” น.ส.เกณิกา กล่าว