วันนี้ (11 มี.ค.) นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความกังวลต่อกรณีการพบซากพะยูนเกยตื้นที่ จ.ตรัง พร้อมเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกนโยบายหรือข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการต่อกรณีดังกล่าวออกมาทันที
โดย นายนิติพล ระบุว่า กรณีพบซากพะยูนนี้เป็นเหตุที่สะเทือนใจตนมาก เพราะจากข้อมูลที่ปรากฏออกมาเป็นที่ยืนยันได้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพะยูนในพื้นที่ชายทะเล จ.ตรัง โดยเฉพาะการลดลงของจำนวนพะยูน เกิดจากการกระทำของมนุษย์โดยทางอ้อม ทั้งขยะพลาสติกที่พบในท้องของเขา หรือการที่หญ้าทะเลที่เป็นอาหารหลักของเขาที่ลดจำนวนลงอย่างมากจากน้ำมือมนุษย์ ที่ไปดัดแปลงสภาพพื้นที่ หรือการขุดลอกต่างๆ
เมื่อเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ตนได้เห็นความตื่นตัวของผู้คนส่วนใหญ่ที่ทราบข่าว เกิดบทสนทนาขึ้นมาว่า ภาคประชาชนจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อฟื้นฟูสภาพท้องทะเลบริเวณนั้นให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม ซึ่งแน่นอนว่า มีสิ่งที่ประชาชนทั่วไปช่วยกันทำได้แน่ๆ เช่น การงดใช้พลาสติก การจัดการขยะในทะเล การงดการทำกิจกรรมที่จะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมและแหล่งหญ้าทะเล ฯลฯ
แต่สุดท้ายแล้ว ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องของนโยบายเป็นหลัก ที่ต้องใช้ทรัพยากรของรัฐมาดำเนินมาตรการเพื่อแก้ปัญหา เช่น การฟื้นฟูสภาพทะเลและชายหาด มาตรการบังคับให้ประชาชนหรือบุคคลทำหรือห้ามทำอะไร รวมทั้งการทำวิจัยศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางในการฟื้นฟูจำนวนประชากรพะยูน หรือแหล่งหญ้าทะเล
นายนิติพล กล่าวต่อไปว่า แต่ตั้งแต่กรณีนี้เป็นข่าวมาจนทำให้สังคมตื่นตัว แต่สิ่งที่ตนยังไม่เห็นเลย ก็คือ นโยบายการสั่งการ หรือกระทั่งท่าทีจากรัฐมนตรีเจ้าของประเด็น คือ นายพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะกรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นแล้ว ว่า ชายฝั่งทะเลของประเทศไทยในพื้นที่ภาคใต้กำลังเผชิญปัญหาที่เป็นวิกฤต ซึ่งได้ส่งผลอย่างสำคัญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อสัตว์น้ำอนุรักษ์ของประเทศไทยอย่างพะยูน ที่เดิมอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ เป็นเรื่องที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ต้องตั้งต้นมีข้อสั่งการให้เกิดการบูรณาการแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน และเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ โดยตรง
“ผมหวังว่า ภายในวันสองวันนี้ ผมคงจะได้เห็นท่าทีอะไรออกมาจากท่านบ้าง ฝากนักข่าวที่ได้มีโอกาสเจอท่านถามเรื่องนี้ให้หน่อยนะครับ เพราะถ้าเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ กระทบทรัพยากรธรรมชาติสำคัญขนาดนี้ ท่านยังนิ่งเฉยได้อีก ผมก็สุดจะเชื่อแล้วล่ะครับ มันแปลว่าท่านไม่ได้มีความรู้ความสามารถอะไรในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพอที่จะมาบริหารกระทรวงสำคัญนี้ได้เลย”
นายนิติพล ยังกล่าวต่อไปว่า กรณีที่เกิดขึ้นและท่าทีการรับมือของรัฐมนตรีต่อเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นลบหรือเป็นบวก จะเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่จะประเมินการทำงานของนายพัชรวาท ในฐานะเจ้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ อย่างไรก็ตาม ตนคาดไว้ล่วงหน้าเลยว่ารัฐมนตรีจะไม่มีปัญญา หรือจะไม่มีความตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหานี้ออกมาแต่อย่างไร ซึ่งเมื่อบวกรวมกับการโดดหนีกระทู้ การนิ่งเฉยต่อประเด็นปัญหาต่างๆ ที่ผ่านมาของนายพัชรวาทแล้ว ตนก็คิดว่า นายพัชรวาท ควรเป็นหนึ่งในผู้ที่จะต้องถูกเปลี่ยนตัวมากที่สุด ในการปรับ ครม. ครั้งหน้า