เมืองไทย 360 องศา
มีกำหนดการออกมาชัดเจนทั้งของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ ว่าจะไปจังหวัดเชียงใหม่เพื่อไหว้บรรพบุรุษ ในวันที่ 14-16 มีนาคม ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็มีกำหนดการไปตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 15-17 มีนาคม เช่นเดียวกัน โดยในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดพะเยาด้วย
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทุกอย่างมีการเตรียมกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งในเรื่องการไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร และการตรวจราชการในภาคเหนือ กับกำหนดการไปไหว้บรรพบุรุษของนายทักษิณ ว่าเป็นการเตรียมเอาไว้แล้ว และยังเป็นการนัดพบกัน ระหว่างคนสองคน ซึ่งก็มี “เป้าหมาย” และการแสดงออกทางการเมืองบางอย่างอย่างจงใจด้วย
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า การที่นายทักษิณ ชินวัตร มีกำหนดการเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 14-16 มี.ค. และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปตรวจราชการที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 15-17 มี.ค. เช่นเดียวกัน นั้นไม่ใช่เป็นความบังเอิญ แต่เป็นความจงใจที่ต้องการใช้การลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของทั้ง 2 คน เพื่อได้พบปะพูดคุยกัน และการเดินทาง ไปจ.เชียงใหม่ โดยใช้วันเวลาที่เหลื่อมกัน เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป การไป จ.เชียงใหม่ ของนายเศรษฐา ก็เพราะมีประชุม ครม.สัญจรที่จ. พะเยา ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
ส่วนนายทักษิณ อ้างเรื่องการไปไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งปกติตามธรรมเนียมของคนจีน การไหว้บรรพบุรุษ หรือวันเช็งเม้ง ปีนี้ตรงกับวันที่ 4 เม.ย.67 และคนจีนจะนิยมไหว้บรรพบุรุษในวันเช็งเม้งเป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ก็สามารถไหว้ก่อนได้ก่อน 7 วัน แต่นายทักษิณ เลือกไปไหว้บรรพบุรุษในวันที่ 15 มี.ค. ก็ผิดจากประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกัน แต่คงเพื่อต้องการที่จะให้ได้พบกับนายเศรษฐา โดยไม่ต้องการให้วันเดินทางตรงกันเป๊ะ จนน่าเกลียดเกินไป จึงจัดเวลาเดินทางให้เหลื่อมกันเล็กน้อย การที่นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ที่ต่างประเทศว่า จะพบกับนายทักษิณหรือไม่นั้น ต้องดูก่อนว่าหากมีเวลาตรงกันคงได้เจอกัน ซึ่งตนขออนุญาตทำนายไว้ล่วงหน้า 3 ข้อ คือ 1. มีเวลาตรงกัน 2. มีโอกาสได้พบกัน 3. จะพบกันในคืนวันที่15
“การพบกันของคุณทักษิณกับคุณเศรษฐา ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย และไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะทั้งสองเคยพบกันมาแล้ว และสามารถพบปะได้เป็นประจำ ในฐานะที่คุณทักษิณเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย เป็นผู้สนับสนุนให้คุณเศรษฐา ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ตอนนี้จะไม่ได้เป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการ ก็เป็นที่ปรึกษาแบบลับๆได้”
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค.นี้ ว่า จะไปติดตามเรื่องสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน โดยจะมีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และฝ่ายความมั่นคงในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและไปติดตามโครงการพระราชดำริด้วย
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ครั้งนี้ จะมีโอกาสได้พบกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่จะเดินทางกลับบ้านที่จ.เชียงใหม่ เพื่อไว้บรรพบุรษ หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมีโอกาสก็จะได้พบกัน และได้เจอกับนายทักษิณ หนึ่งครั้งแล้ว เจอครั้งที่สอง คงไม่เป็นไร เพราะเป็นคนรู้จักกันอยู่แล้ว หากสะดวกก็คงได้พบกัน แต่เบื้องต้นยังไม่ได้นัดหมายกับนายทักษิณ เพราะไม่ทราบว่าท่านจะเดินทางไปที่ไหน เวลาไหน แต่คนที่รู้จักกัน คงแวะเข้าไปพูดคุยเป็นธรรมดา
เมื่อถามว่า ที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องนายทักษิณ เข้าไปอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ตอบข้อซักถามของฝ่ายนิติบัญญัติอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่ได้กังวลเพราะเป็นไปตามกฎหมาย นายทักษิณ ก็ออกมาตามกฎหมายทุกอย่าง และเราก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายอะไรกับใครทั้งสิ้น ถ้าเกิดมีเรื่องข้องใจอันใด ก็เป็นไปตามกลไกการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะต้องไม่ลืมว่า เวลานี้ภาพของ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ของนายทักษิณ ชินวัตร ถูกเปรียบเทียบมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่มีอิทธิพล สั่งการเหนือรัฐบาล เหนือนายกรัฐมนตรี และเหนือพรรคการเมือง อย่างพรรคเพื่อไทย และเชื่อกันว่า เขาเป็นคนไฟเขียวให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และยังเป็นผู้กำหนดอีกว่า “จะให้เป็นถึงเมื่อไหร่” ก็ได้ ทำให้มีการประเมินกันว่า น่าจะอยู่ได้ไม่เกินเดือนเมษายน ถึงพฤษภาคมนี้ ก็ต้องรอดูกันต่อไป
ขณะเดียวกัน ภาพที่พยายามทำให้ปรากฏอีกก็คือ ภาพของ “นายกฯสามคน” โดยมีเสียงกระแนะกระแหน ว่า คนที่ 1 คือ นายทักษิณ คนที่สองคือ “ลูกสาวของทักษิณ” คือ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เวลานี้กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างสูงในรัฐบาลทำหน้าที่ไม่ต่างจาก “นายกฯเงา” เลยทีเดียว ล่าสุดระหว่างการเยือนยุโรปที่สาธารณัฐฝรั่งเศส ของนายเศรษฐา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ยังมีน.ส.แพทองธาร ร่วมเดินทางไปด้วย แม้ว่าดูแล้วก็ไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นอะไรนัก ภาพที่ออกมาเหมือนกับการ “เดินทางไปเที่ยวกับน้าชาย” มากกว่า อะไรประมาณนั้น แม้จะมีความพยายามทำให้มีบทบาทก็ตาม
สำหรับ นายกฯคนที่สาม ก็ต้องเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาถูกมองว่าไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริง มีแค่ทางนิตินัย หรือเป็นแค่ “หุ่นเชิด” ของครอบครัวนายทักษิณ เท่านั้น แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากลักษณะการทำงานและไอเดียของเขาแล้ว หากปล่อยให้มีอิสระ ได้บริหารงานไปตามธรรมชาติก็น่าสนใจได้เหมือนกัน เมื่อเทียบกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มองจากแบ็กกราวด์ ประวัติการทำงาน ความสำเร็จแล้ว ถือว่ายังไม่มีอะไรโดดเด่น ลักษณะจึงไม่ต่างจาก “มะม่วงบ่มแก๊ส” ถูกเร่งแบบไม่เป็นธรรมชาติ หรือเป็นแค่ “ลูกเถ้าแก่” เท่านั้น
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาโดยภาพรวมๆ แล้ว การไป จ.เชียงใหม่คราวนี้ ก็น่าจะเห็นภาพของ “นายกฯสามคน” ได้ชัดเจน นั่นคือ นายทักษิณ น.ส.แพทองธาร และ นายเศรษฐา ได้พบกันอย่างพร้อมหน้า ทางหนึ่งเป็นการกระชับพื้นที่ของครอบครัวชินวัตร ในถิ่นบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจาก“เสียท่า”จากการเลือกตั้งคราวก่อน ทำให้คราวนี้ต้องลงมือเอง ขณะเดียวกันการพบกับนายเศรษฐา ซึ่งก็ถูกทำให้มองว่า “เรียกมาพบ” เพื่อย้ำให้เห็นภาพ “ตัวจริง” เท่านั้นเอง
แต่เอาเป็นว่าภาพที่จะปรากฏดังกล่าวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มันก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก เพราะคาดเดาได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสำหรับ นายเศรษฐา ทวีสิน แล้ว งานนี้แทบไม่มีผลบวกกับเขาเลยแม้แต่น้อย !!