เผยความคืบหน้า ร่าง พ.ร.ก.-หลักเกณฑ์ “คืนปืนเถื่อน” ฉบับ ปค. จ่อใช้ “ที่ว่าการอำเภอ” 878 แห่งทั่วประเทศ เป็นพื้นที่รับมอบจ่อใช้วัดผลงาน KPI นายอำเภอ-ผู้ว่าฯ ส่วนพื้นที่ส่วนกลาง คาดใช้ ศูนย์บริการประชาชน สํานักการสอบสวนและนิติการ ปค. เป็นพื้นที่รับส่งมอบอาวุธปืนเถื่อน พบร่าง พ.ร.บ.ฉบับรัฐบาลก่อน เสนอให้คืนปืนเถื่อนในพื้นที่ “ค่ายทหาร” ที่ใกล้ที่สุดทั่วประเทศ
วันนี้ (8 มี.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ความคืบหน้าต่อกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ภายหลังเกิดอาชญากรรมจากการใช้อาวุธปืนบ่อยครั้ง ตั้งแต่ปีที่แล้วล่วงเวลามามากกว่า 1 ปี
หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้มอบหมายให้ กรมการปกครอง
ดำเนินการยกร่างพระราชกําหนด (พ.ร.ก) ยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้แก่ผู้นําอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือ ที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาต หรือสิ่งเทียมอาวุธมามอบให้แก่ทางราชการ พ.ศ....
และยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการในการส่งมอบ การรับมอบ การเก็บรักษา และการทําลายอาวุธปืนที่ได้มีการนํามาคืน ซึ่ง นายอนุทิน ได้ลงนามในร่าง พ.ร.ก. และ ร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว
ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอให้สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ขอความเห็นจากส่วนราชการอื่นๆ และบรรจุเป็นวาระเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ เพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป
ซึ่งกฎหมายดังกล่าวถือเป็นมาตรการสําคัญที่จะช่วยลดจํานวนอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายลง
ล่าสุด ฝ่ายบริหาร กระทรวงมหาดไทย มีข้อสั่งการขอให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกแห่ง เตรียมดําเนินงานภายหลังจากพระราชกําหนดฯ ประกาศบังคับใช้
“โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) กําหนดให้ส่งมอบอาวุธปืน ที่ศูนย์บริการประชาชน สํานักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง และในพื้นที่จังหวัด กําหนดให้ส่งมอบอาวุธปืน ที่ที่ว่าการอําเภอทุกแห่ง”
สำหรับแผนต่อไป กรมการปกครอง เตรียมยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการ เพื่อยกเลิกปืนสวัสดิการ การพิจารณามาตรการสำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตนำเข้าปืน
ตลอดจนการกำหนดให้การปราบปรามปืนเถื่อนเป็นหนึ่งในเกณฑ์วัดผลงาน (KPI) ของนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นต้น
ในรัฐบาลที่แล้ว ปค. เคย ยกร่าง พ.ร.บ. และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ...) เกี่ยวกับการส่งมอบ การรับมอบ การเก็บรักษา และการทําลายอาวุธปืน ที่ได้มีการนํามาคืน
“ครั้งนั้น มีข้อเสนอให้ผู้ครองครอง นำมามอบให้หน่วยทหารที่ใกล้ที่สุด ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่ต้องรับโทษ โดยทางราชการไม่ต้องชดใช้ราคา และให้ตกเป็นของแผ่นดิน”
ขณะที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานภายใต้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนั้น
เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐบาลที่แล้ว เคยมีหนังสือให้ข้อสังเกตว่า “หน่วยงานทหารที่ใกล้ที่สุด” ควรระบุให้ชัดเจน
เนื่องจาก “หน่วยทหารบางหน่วย” ไม่มีความพร้อม ในด้านอาคาร สถานที่ และกำลังพล ในการดำเนินการกำกับดูแลเก็บรักษาอารุธปืนดังกล่าว
รวมถึงควรพิจารณานำเทคโนโลยี มาช่วยในการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนปืนและปรับปรุงฐานข้อมูลให้ทันสมัยตลอดเวลา.