“ยิ่งลักษณ์”คิวต่อไป สัญญาณกลับไทย !?

เมืองไทย 360 องศา

เรียกว่าได้ฉลองกันแบบรัวๆ สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังหลบหนีคดีที่เชื่อมโยงกับคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เมื่อหลายปีก่อน (ปี 2560) เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ยกฟ้องคดีโรดโชว์สร้างอนาคตประเทศไทย หลังจากก่อนหน้านั้นไม่นาน ศาลฎีกาฯก็ได้ยกฟ้องคดีที่เกี่ยวกับการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมิชอบ พร้อมกับออกคำสั่งถอนหมายจับอีกด้วย

จากคำพิพากษาทั้งสองคดี ที่ทำให้เธอรออดพ้นความผิด และถูกเพิกถอนหมายจับย่อมเป็นข่าวดีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายังเหลือโทษจำคุก 5 ปี จากคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการทุจริตรับจำนำข้าวอันอื้อฉาวก็ตาม แต่เมื่อมีการยกฟ้องต่อเนื่องกัน ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตพร้อมกันว่า นี่อาจเป็นสัญญาณบางอย่างหรือไม่ โดยเฉพาะ “สัญญาณกลับไทย” ตามรอยพี่ชาย คือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ก่อนหน้านี้มีโทษจำคุกรวมกัน 8 ปี แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี จนล่าสุดเขาได้รับการพักโทษกลับมาอยู่บ้าน “จันทร์ส่องหล้า” เรียบร้อยแล้ว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งนักการเมืองยกฟ้องยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วยมติเอกฉันท์ พร้อมถอนหมายจับในคดีโรดโชว์สร้างอนาคตประเทศไทย ย่อมแสดงถึงสัญญาณจะได้กลับไทยเร็วขึ้น และการจะกลับบ้านเมื่อไร ย่อมดำเนินการไปตามรูปแบบการกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร คือ ขออภัยโทษในคดีที่มีโทษเหลืออยู่ และที่สำคัญต้องไม่กลับในวันที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ

“ถ้าทักษิณ กลับบ้าน และทำอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ยิ่งลักษณ์ จะกลับบ้านได้ง่ายที่สุด ไม่ต้องถูกสังคมจับตาทุกการเคลื่อนไหว พร้อมวิจารณ์จะใช้โมเดลนอน รพ.ชั้น 14 แต่ถึงที่สุดจะทำเหมือนทักษิณทุกอย่างไม่ได้เลย จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ” เขาตั้งข้อสังเกต และเชื่อว่ามีการ “ดีลพิเศษ” กันล่วงหน้าแล้ว

ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่า หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 พิพากษายกฟ้องคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 6 คน ในข้อกล่าวหาเอื้อประโยชน์ในการจัดจ้าง Road Show โครงการ ‘สร้างอนาคตไทย Thailand 2020’ พร้อมสั่งเพิกถอนหมายจับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น เป็นสัญญานชัดเจนว่า คุณยิ่งลักษณ์ จะเดินทางกลับประเทศไทย ตามแนวทางเดียวกับคุณทักษิณ ที่ได้นำร่องมาล่วงหน้าแล้ว ซึ่งทำได้ไม่ยาก ถ้าเปรียบเทียบโทษ ระหว่างของคุณทักษิณ กับคุณยิ่งลักษณ์ ซึ่งแตกต่างกันครึ่งต่อครึ่ง

คุณทักษิณถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสิน 3 คดี รวมโทษ 10 ปี และศาลฎีกาฯ มีคำสั่งนับโทษสุทธิเหลือ 8 ปี ในขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ถูกศาลตัดสินโทษจำคุก 5 ปี ในคดีจำนำข้าว เมื่อคุณทักษิณได้รับโทษจริงเพียง 1 ปี จะต้องลุ้นต่อไปว่า คุณยิ่งลักษณ์จะรับโทษจำคุกจริงกี่ปี ตอนคุณทักษิณไม่เคยเข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว คุณยิ่งลักษณ์ ก็ต้องมีหนทางไม่ต้องเข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียวเช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อดูบริบททั้งหมดแล้ว ฟันธงได้เลยว่า คุณยิ่งลักษณ์ กลับประเทศไทย หลังวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ทิ้งช่วงไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป และจะไม่ถูกจำคุกแม้แต่วันเดียว แต่จะใช้แนวทางไหนอย่างไรต้องจับตาดูกันต่อไป

ขณะเดียวกัน เมื่อพูดถึงการกลับไทย และการขอพระราชทานอภัยโทษ ก็ต้องเชื่อมโยงกับกระทรวงยุติธรรม ที่ถูกมองว่าในกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร มีการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในยุคของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบัน ที่นับได้ว่ามีความใกล้ชิดเป็นพิเศษกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้เชื่อว่า หากเธอจะกลับมาจริงๆ ก็น่าจะราบรื่น และล่าสุด พ.ต.อ.ทวี ก็ระบุว่า ยังไม่เห็นการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่กล่าวว่า หากยื่นมาจริงก็สามารถทำได้อยู่แล้ว

“การขอยื่นพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล สามารถทำได้โดยตรง แต่ส่วนใหญ่จะส่งเรื่องมาที่กระทรวงยุติธรรม สมัยรัฐบาลที่แล้ว นายวิษณุ เครืองาม เคยออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินกลับมายังประเทศไทย ประสงค์ขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล ก็สามารถยื่นเรื่องโดยตรงกับกระทรวงยุติธรรมได้ แต่ในกรณีอื่นๆ กรมราชทัณฑ์ ก็จะมีการส่งเรื่องมาให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาอยู่แล้วเป็นปกติ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุ

เมื่อพิจารณากันตามรูปการณ์แล้ว ทำให้มั่นใจได้เลยว่า อีกไม่นาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะกลับไทยในเร็วๆ นี้ หลังจากทุกอย่างเปิดโล่ง โดยอาจจะมีวิธีการแตกต่างกับกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร ไปบ้าง แต่หลักๆ น่าจะใช้วิธีการแบบเดียวกัน เช่น การขอพระราชทานอภัยโทษ และเมื่อพิจารณาจากโทษจำคุกที่น้อยกว่า นายทักษิณ เพียงแต่ว่า อาจแตกต่างกันในรายละเอียดบางอย่าง โดยเฉพาะหากต้องออกมาควบคุมนอกเรือนจำ เช่น ข้ออ้างเรื่องอาการป่วย เรื่องอายุเกิน 70 ปี ขึ้นไปขึ้นไป เป็นต้น แต่ถึงอย่างไรเชื่อว่าต้องมีหนทางในการช่วยเหลือกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องทน “ขี้ปาก” ชาวบ้านเท่านั้นเอง

หลังจากก่อนหน้านี้ “พี่ชาย” คือ นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว จนถูกวิจารณ์กันป่นปี้ว่าทำลายระบบยุติธรรม มีลักษณะเป็น “เทวดา” อภิสิทธิ์ชน จนเสียเครดิต กระทบมาถึงพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล มาจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้นหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดำเนินรอยตามโดยไม่แคร์ความรู้สึกสังคม มันก็ย่อมมีความเสี่ยงมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าเอาเข้าจริงคงไม่มีใครสามารถขัดขวางพวกเขาได้ เพราะถือว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือ กุมสถานการณ์เอาไว้หมดแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ดีเมื่อถึงตอนนั้นทุกอย่างก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ก็ได้ เพราะไม่อาจมองข้ามความรู้สึกของสังคมได้เหมือนกัน เพราะต้องไม่ลืมว่ากรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร ได้สะสมความไม่พอใจเอาไว้ไม่น้อย เพียงแต่ว่าอาจยังไม่ถึงจุดระเบิดออกมาก็ได้ แต่เมื่อเริ่มมองออกแล้วว่า อีกไม่นาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องกลับมา หากยังใช้วิธีการแบบเดิม แม้ว่าทำได้ แต่เชื่อว่าคราวนี้คงไม่ง่าย และน่าจะเสี่ยงกว่าเดิมแน่นอน !!