วันนี้(4 มี.ค.)นางสาวศุภมาศ อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า กระทรวง อว. มีนโยบายด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดสู่อนาคต โดยเฉพาะการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมไม่ว่าจะเป็นตึกขนาดใหญ่ รถไฟฟ้า ทางด่วน หรือสะพานต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การมีระบบห้องปฏิบัติการอ้างอิงเพื่อรองรับมีความสำคัญในการที่จะทำให้ก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานมีคุณภาพที่ดี ตนจึงมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) พัฒนาและเปิดให้บริการห้องปฏิบัติการอ้างอิง และให้มีชนิดการให้บริการที่มีความครอบคลุมและบริการในประเภทที่ต้องลงทุนสูง รวมถึงให้พัฒนาระบบห้องปฏิบัติการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้รองรับการก่อสร้างไทยและโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม
ด้านนายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว. กล่าวว่า วศ.อว. ได้รับนโยบายท่านรัฐมนตรี อว. ขณะนี้ได้เปิดให้บริการห้องปฏิบัติการอ้างอิงที่มีชนิดการให้บริการที่มีความครอบคลุมโดยเฉพาะประเภทที่ต้องลงทุนสูง ต้องอาศัยสมรรถนะและประสพการณ์ นอกจากนี้ได้จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพห้องปฏิบัติการทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้รองรับก่อสร้างไทยและโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม รวมถึง วศ.อว.ได้เป็นหน่วยงานพัฒนาและรับรองให้กับห้องปฏิบัติการทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น การให้บริการสอบเทียบ เครื่องดึงทดสอบลวดสลิงแบบดึงตรง ตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025 เป็นห้องปฏิบัติการแห่งเดียวในประเทศไทยที่เปิดให้บริการสอบเทียบที่ขนาด 90 ตัน และอยู่ในระหว่างขยายการให้บริการสอบเทียบเป็น 200 ตัน ภายในปี 2567 นี้ ทั้งนี้ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน ทำให้การก่อสร้างพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีการนำชิ้นส่วนสะพานขนาดใหญ่ที่ผลิตสำเร็จจากโรงงานมาประกอบยังสถานที่ก่อสร้าง ในการเคลื่อนย้ายโครงสร้างขนาดใหญ่เหล่านี้มาเชื่อมต่อกัน ด้วย "ลวดสลิง" ดังนั้น “ลวดสลิง” ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานย่อมก่อให้เกิดความปลอดภัยในทางวิศวกรรม ทั้งตัวผู้ปฏิบัติงานและประชาชนผู้ที่สัญจรผ่านบริเวณรอบ ๆ
นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวเน้นย้ำว่า การเปิดให้บริการทางห้องปฏิบัติการอ้างอิง วศ.อว.และการพัฒนาระบบห้องปฏิบัติการทั้งภาครัฐและเอกชนตามแผนการดำเนินงานนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับการก่อสร้างไทยและโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมให้มีความมั่นคงยั้งยืนตลอดไป