"เศรษฐา" บอกไม่แปลกป้าย "ฮักทักษิณ" โผล่ระหว่างลงพื้นที่ เหตุเป็นนายกฯได้รับความนิยมสูงสุด เจ้าตัวยังไม่ได้ขอเป็นที่ปรึกษา ขอรักษาตัว-อยู่กับครอบครัวก่อน ย้ำโอเพ่นให้คำแนะนำ รับทราบเสียงสะท้อนทวงเงินดิจิทัล หวังหน่วยงานอื่นได้ยินด้วย มองต่างมุม "หม่อมอุ๋ย" เรื่องดอกเบี้ย
วันนี้ (3มี.ค.) เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ในระยะหลังที่พบว่ามีประชาชนถือป้าย ฮักทักษิณ ควบคู่กับการทวงถามเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ซึ่งถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่จะเชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นที่ปรึกษา ว่า เรื่องป้ายฮักคุณทักษิณ จริงๆ แล้วตนได้เรียนไปในหลายเวที ไม่ปฏิเสธเลย แล้วเข้าใจว่าท่านเป็นนายกฯที่ได้รับความนิยมชมชอบสูงสุดคนหนึ่งในประเทศไทย ฉะนั้น เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนรักท่าน จริงๆ แล้วมีการรักใคร ตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ประเทศชาติมีความรักมันก็ดีอยู่แล้ว ส่วนการจะเชิญท่านมาหรือไม่นั้น ท่านยังไม่ได้แสดงเจตจำนงว่าจะเป็นที่ปรึกษาหรือเปล่าเลย อย่างสัปดาห์ที่แล้วตนได้เข้าไปหาท่าน ท่านก็ยังโฟกัสเรื่องการรักษาตัวเองให้ดี ท่านจากประเทศไทยมา 17-18 ปีใช่หรือไม่ ตนคิดว่าท่านอยากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวหรือพี่น้องพรรคพวกเพื่อนฝูงที่สนิทกัน และดูแลรักษาตัวเองให้ดี หลังจากนั้นแล้วค่อยว่ากันดีกว่า ตนโอเพ่น อย่างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้พบกับนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี มีการเสนอแนะหลายๆ เรื่องมา ซึ่งตนได้ชี้แจงในหลายๆ เรื่อง ที่บางทีท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่บางเรื่องที่ท่านเสนอแนะมาตนก็น้อมรับไปปฏิบัติและสั่งการทีมงานไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น แม้นายกฯเคยตอบคำถามบ่อยในเรื่องของกรอบเวลา แต่ประชาชนยังอยากฟังประชาชนพูดบ่อยๆ ถึงความคืบหน้า นายเศรษฐา กล่าวว่า เข้าใจ เพราะทุกคนก็มีความประสงค์ และอันนี้เป็นจุดหนึ่งที่สะท้อน ตนได้ยินแล้ว แต่หน่วยงานอื่นก็อยากให้ได้ยินด้วยเหมือนกัน ซึ่งตนเองกำลังคอยข้อมูลอยู่ และได้มีการตั้งคณะกรรมการไปเรียบร้อยแล้ว กำลังคอยข้อมูลจากหน่วยงานที่เราสอบถามไป ส่วนรายละเอียดนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะเป็นผู้แถลงเอง
เมื่อถามว่า คิดว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะได้ยินเสียงประชาชนตะโกนตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ หากอยากทราบรายละเอียดอะไรมากกว่านี้ เดี๋ยวนายจุลพันธ์จะเป็นคนแถลง ซึ่งคนตระหนักดีถึงความต้องการอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าฯธปท. ออกมาระบุว่าการที่นายกฯเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ย จะมีผลทำให้เงินทุนไหลออก นายเศรษฐา กล่าวว่า มันก็มีทั้งบวกและลบหลายๆ อย่าง ท่านเองเป็นอดีตผู้ว่าฯธปท.มา และเป็นอดีตรองนายกฯที่ดูแลเศรษฐกิจมา ท่านพูดอะไรตนก็รับฟัง แต่ก็มีมุมมองหนึ่ง ถ้าเงินทุนไหลออกในปริมาณที่เหมาะสมของเงินทุนไหลออก ก็ทำให้บาทอ่อน แล้วบาทอ่อนส่งออกดีหรือไม่ เราพึ่งการส่งออก 60% ของจีดีพี บาทอ่อนคนเข้ามาท่องเที่ยวเยอะขึ้นหรือไม่ ก็น่าจะเยอะขึ้น ใช่หรือไม่ ก็ดี 1 ดอลลาร์ของเขากลายเป็น 36-37 บาท เขาก็มีเงินเยอะขึ้นในกระเป๋ามาจับจ่ายใช้สอย ซื้อผลิตภัณฑ์จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากยิ่งขึ้น ไปเที่ยวเมืองรองมากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งดี มันก็มีหลายมุมมอง เพราะจริงๆ แล้วเศรษฐศาสตร์ก็เป็นศาสตร์อันหนึ่งซึ่งมีความหลากหลาย มันไม่ใช่ตัวเลข 1+1 เป็น 2 ซึ่งก็รับฟังท่าน