“รัดเกล้า” เผย ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ 9 มีนาคม 2567 ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ยกระดับและอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคอาเซียน
วันนี้ (3มี.ค.) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน (ASEAN Services Facilitation Framework: ASFF) โดยมีกำหนดการร่วมรับรองเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ในวันที่ 9 มีนาคม 2567
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียน ปี 2567 กำหนดจัดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 30 โดยในระหว่างการประชุมจะมีการรับรองร่างเอกสาร ASFF จำนวน 1 ฉบับ ซึ่งประกอบด้วยประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้าบริการต่างๆ ที่นำมาจากความตกลงการค้าบริการอาเซียน ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา และข้อริเริ่มร่วมว่าด้วยกฎระเบียบภายในประเทศภาคบริการขององค์การการค้าโลก ซึ่งไทยเป็นภาคีสมาชิกแล้ว มีสาระสำคัญ 5 ด้านดังนี้ (1) การสร้างความเป้นธรรมและการเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจบริการขออาเซียน (2) การสนับสนุนการเคลื่อนย้ายและการเชื่อมโยงเศรษฐกิจภาคบริการในภูมิภาคอาเซียน (3) การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลด้านการค้าบริการของอาเซียน (4) การสร้างเศรษฐกิจบริการของอาเซียนที่ยั่งยืนและมีนวัตกรรม และ (5) การเป็นหุ้นส่วนกับภาคธุรกิจเพื่อกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจบริการของอาเซียนร่วมกัน
ทั้งนี้ ASFF จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงเศรษฐกิจภาคบริการในภูมิภาคอาเซียน และการปรับปรุงนโยบายด้านการค้าบริการและการกำกับดูแลเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการค้าบริการ รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าเมืองของผู้ให้บริการ และเป็นแนวทางกำกับดูแลการใช้กฎระเบียบภายในประเทศ มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และคาดการณ์ได้
“ความเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียนที่มีคุณภาพและทั่วถึง ทั้งทางด้านกายภาพ รวมถึงกฎระเบียบต่างๆ โดยร่างเอกสาร ASFF จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงเศรษฐกิจภาคบริการ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าบริการ รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกและยกระดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจในไทย และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของทั้งไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนไปพร้อมกันด้วย” รองโฆษกรัดเกล้าฯ กล่าว