"เศรษฐา" ประกาศแผนพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินการขนส่งของภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถสุวรรณภูมิรองรับ 60 ล้านคนต่อปีทันที พร้อมสร้างเทอร์มินัลทิศใต้ เปลี่ยนบทบาทดอนเมือง ยกระดับสนามบินภูมิภาค พัฒนาซอฟต์แวร์-อุตสาหกรรมเกี่ยวข้อง ย้ำเดินหน้ารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน-แลนด์บริดจ์
วันนี้ (1มี.ค.) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (1 มีนาคม 2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงแผนพัฒนาการเป็นศูนย์กลางการบินการขนส่งของภูมิภาค เพื่อเป็นการระเบิดศักยภาพของประเทศไทยและท่าอากาศยานไทย โดยได้ประกาศแผนการดำเนินการ 5 ส่วน ได้แก่
1. แก้ปัญหาเร่งด่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิ เปลี่ยน Capacity 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคน ทันที
2. ต่อเนื่องจาก Quick win สร้างอีก Terminal ที่อยู่ทางทิศใต้ เดินทางระหว่าง 2 อาคารด้วยระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่เชื่อมต่ออาคาร ผู้โดยสารเข้าด้วยกัน
3. เปลี่ยนบทบาทของสนามบินดอนเมือง ให้เป็นสนามบินแบบ Point-to-point โดยมีจุดเด่นคือเป็นสนามบินที่เข้าออกเมืองได้อย่างรวดเร็ว
4. ยกระดับสนามบินอื่นๆ ของประเทศ สนามบิน “อันดามัน” ที่บริเวณจังหวัดพังงา “สนามบินล้านนา” ที่ภาคเหนือ รองรับได้ 20 ล้านคน รวมถึงยกระดับสนามบินภูมิภาค น่าน ศรีสะเกษ โคราช
5. พัฒนา ยกระดับงาน Software และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งได้ประกาศว่า ภายใน 1 ปีนี้ สุวรรณภูมิจะต้องกลับมาเป็นสนามบิน Top 50 ของโลก และด้วยการลงทุนต่อเนื่องสนามบินไทยจะติด TOP 20 ของโลก ภายใน 5 ปี การขนส่งสินค้าทางอากาศจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1.5 เท่าภายใน 3 ปี และ ไทยจะเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าทางอากาศ ที่ใหญ่ Top 10 ของ ภูมิภาค ภายใน 5 ปี
พร้อมกันนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาลมีแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม โดยนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่านายกรัฐมนตรีมีนโยบายที่จะเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทุกด้านเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค โดยจะมีโครงการที่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงการเดิม และผลักดันโครงการใหม่ ด้วยศักยภาพของประเทศสามารถเป็น Hub ของการคมนาคมขนส่ง และโลจิสติกส์ ซึ่งรัฐบาลจะทำให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่รอบ 20 ปี โดยการเชิญชวนคนมาลงทุนให้ได้มากที่สุด เพื่อปรับเปลี่ยน ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน
พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลเดินหน้าไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน รวมทั้ง การขยายโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน และระบบรางเพื่อรองรับการลงทุน และการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น โดยใช้เงินงบประมาณเท่าที่จำเป็น และดึงการร่วมลงทุนจากภาคเอกชนในรูปแบบ PPP รวมถึง ยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้าโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย - อันดามัน (Landbridge) และได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่จำนวนมาก
“นายกรัฐมนตรีดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สร้างบทบาทให้ประเทศไทยในเวทีโลก ชักชวนการลงทุน ด้วยวิสัยทัศน์ ประกอบกับแผนการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม เป็นความเชื่อมั่นที่สามารถยืนยันกับนักลงทุนได้ จนมีนักลงทุนรายใหญ่สนใจลงทุนในไทยจำนวนมาก ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเดินทางสู่เป้าหมายตามแผนพัฒนาที่ได้ประกาศไปอย่างแน่นอน” นายชัย กล่าว