“เศรษฐา” ย้ำ 3 วันลงพื้นที่เห็นศักยภาพชายแดนใต้ เร่งดันเป็นแหล่งดึงดูดท่องเที่ยวระดับโลก พร้อมเป็นแหล่งลงทุนในภูมิภาค ชี้ถกสันติภาพ สมช.พูดคุยตลอด ลั่น 3 ปีครึ่งที่เหลือรัฐบาลจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความเสมอภาค ชี้จากแววตาประชาชนที่ต้อนรับจะเป็นแรงบันดาลใจให้รัฐบาลผลักดัน จชต.
เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 29 ก.พ. ที่จังหวัดนราธิวาส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นแหล่งดึงดูดการท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย หากพัฒนาให้ดีจะเป็นจุดหนึ่งที่สามารถเป็นจุดท่องเที่ยวของชาวโลกได้ด้วย สำหรับด่านศุลกากรที่เบตงมีความคับแคบจะต้องมีการ พัฒนาต่อไป ซึ่งระยะหลังมีการเปลี่ยนวิธีการ ปลูกพืชเศรษฐกิจจากยางพารามาเป็นผลไม้ โดย เฉพาะทุเรียน ซึ่งมีความต้องการสูงมากจากทั่ว โลก ฉะนั้นด่านนี้จะต้องมีการพัฒนาให้เหมาะสม กับบริบทของเกษตรกรและเกษตรกรรม ที่มีการ เปลี่ยนแปลงไป ต้องมีการขยายเลนส์ทางเข้าและ ออก อาจรวมไปถึงห้องเย็นด้วย ตรงนี้รัฐบาลจะ ให้ความสำคัญ และได้มีการสั่งการแล้วจะให้ ดำเนินการขยายด่านศุลกากรนี้รวมถึงตม .6 ที่ ทำไปแล้ว ที่ด่านสะเดา สงขลา ทำให้นักท่อง เที่ยวแต่ละสัปดาห์เพิ่มขึ้น 3 เท่า ทำให้การค้า หมุนเวียนได้ดีขึ้นมาก จึงได้สั่งการไปที่ รมว.การ ต่างประเทศ และรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้ไป ปรับทุกด่าน ยกเลิก ตม.6 ทำให้การเข้าเมือง สะดวกสบายยิ่งขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่แค่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเดียว ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ ก็เช่นกัน
นายเศรษฐากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการพูด คุยถึงเรื่องของการขยายถนนจากยะลาไปจังหวัดอื่น ไม่ว่าจะเป็นทางหลวง 410 หรือ การ เจาะอุโมงค์ ที่จะทำให้การจราจรดีขึ้น ตรงนี้อยู่ ในแผนงานของ รมว.คมนาคม อยู่แล้ว โอกาสนี้ ตนยังได้ไปเดินที่เบตง มีโอกาสได้ไปทานข้าว เห็นความคึกคัก ความปลอดภัย และรอยยิ้มของ พี่น้องที่มอบให้กับคณะของตนที่เดินทางลงมาใน พื้นที่และเห็นศักยภาพของอำเภอเบตง แน่นอน เรื่องการท่องเที่ยวในอนาคตคิดว่าโรงแรมไม่ เพียงพอ ซึ่งได้มีการเรียกร้องมาแล้วว่าจะทำ อย่างไรต่อไป ปัญหาใหญ่เมื่อมีโอกาสแล้วจะมี แหล่งเงินทุนเพียงพอหรือเปล่า อันนี้เป็นหน้าที่ ของตนที่จะต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจกับธนาคาร พาณิชย์หรือธนาคารอิสลาม ให้ถูกนำมาใช้ ประโยชน์อย่างเต็มที่ เป็นแหล่งทุนที่ดีให้นักลง ทุนเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น เพื่อเสริม ศักยภาพการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของภูมิภาค นี้
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มาจ.นราธิวาส เป็น ครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกมาเมื่อปลายปี ดู เรื่องน้ำท่วม วันนี้มาได้ดูได้เห็น อะไร หลายๆอย่างถึงวัฒนธรรมที่ดี ได้ไปวัด และมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จริงๆแล้ว เป็น เรื่องที่ไม่เคยทราบมาก่อนเลย ว่า ประเทศไทย มีนักซ่อมคัมภีร์ศาสนา อิสลามระดับโลกอยู่ 2 คน ซึ่งคัมภีร์ต่าง ๆ ถูกส่งกลับมาซ่อมที่นี่ จึงได้บอกไป ทางกระทรวงการต่างประเทศว่า ต่อไปนี้เรา จะต้องโปรโมทเรื่องนี้ และมีการ สนับสนุนให้คนที่มีความสามารถในการ ที่จะซ่อมหรือเย็บเล่มคัมภีร์เหล่านี้ได้ อย่างที่ตนได้บอกว่า การมาที่แห่งนี้ อยากจะอยู่นานกว่านี้ เพราะมีคัมภีร์ โบราณมากเป็นพันปีก็มีทำด้วยหนังแพะ และอยากจะฟังประวัติศาสตร์ให้ดีขึ้น ซึ่ง เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจให้กับนักท่องเที่ยว ทุกคน การมาสามจังหวัดชายแดนภาค ใต้ ใน 3 วันนี้ได้เห็นถึงศักยภาพที่ดี ส่วนเวลาที่มาตนคิดว่าเหมาะสม และอีก สัปดาห์หนึ่งก็จะเข้าสู่เทศกาลของเดือน รอมฎอน ซึ่งเป็นเทศกาลที่ต้องมีความ อดทน อดกลั้น และเป็นเทศกาล การให้อภัย ซึ่งตนขออวยพรให้ทุกท่านมีความ สุข และภูมิภาคนี้จะได้รับการดูแลให้มี ความเสมอภาค มีความเท่าเทียม การที่ บอกว่าอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำไมถึงไม่ได้ความเท่าเทียม ตนคิดว่า ไม่เป็นความตั้งใจของรัฐบาลนี้ และใน 3 ปีครึ่งที่เหลือรัฐบาลนี้ จะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเสมอภาคความเท่าเทียม โอกาส ที่ ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนรภาค ใต้พึงได้รับผลกระทบต่างๆ ที่เกิดมาใน อดีต จะพยายามแก้ไข และมองไปข้าง หน้า ได้เห็นถึงแววตาที่มาต้อนรับ การมาลงพื้นที่ของพวกตนได้รับความซาบซึ้ง เป็นแรงบันดาลใจให้ผลักดันสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ ไปถึงศักยภาพ ไปถึง จุดที่เขาสามารถไปถึงได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ รัฐบาลนี้ จะมุ่งมั่นและทำต่อไป
นายกฯ กล่าวย้ำว่า จุดประสงค์ในการมาลงพื้นที่ครั้งนี้ เน้นเรื่องศักยภาพของเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องความไม่มั่นคง เกือบไม่มีแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเชื่อว่าการที่เราได้ไปเมืองต่างๆ ได้เห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างมโหฬาร ฉะนั้นตรงนี้เชื่อว่านักท่องเที่ยวมีความมั่นใจอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่พยายามเข้ามาดูแลเรื่องของประชาชนเรื่องของรัฐบาลที่ต่างคนต่างทำ ตอนนี้เมื่อรัฐบาลเข้ามาแล้วก็เป็นตัวเชื่อมให้ทุกท่าน เข้าใจว่ามีความจริงใจและใส่ใจในการพัฒนาพื้นที่ให้ก้าวไปสู่ศักยภาพที่สามารถเป็นไปได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงการพูดคุยสันติภาพนโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีนโยบายพรรคเพื่อไทย มีนโยบายของรัฐบาลเรามีการพูดคุยกันไปโดยที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พูดคุย ทำงานควบคู่กับฝ่ายการต่างประเทศด้วย ซึ่งได้มีการพูดคุยกันตลอด
เมื่อถามว่า จะยกระดับสนามบินนราธิวาสอย่างไรเพราะว่ามีชาวมุสลิม ทั้งไทยและมาเลเซียมาใช้มากเพื่อเดินทางไปทำฮัจญ์ นายเศรษฐากล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่แค่มาเลเซียอย่างเดียว สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ด้วย ซึ่งที่มาตนได้เห็นถึงศักยภาพอยู่แล้ว โดยรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะพยายามพัฒนาจุดท่องเที่ยวต่างๆให้เป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเริ่มแรกต้องเพิ่มไฟท์ ส่วนเรื่องด่านศุลกากรตรวจคนเข้าเมืองตนคิดว่าไม่มีปัญหา ตรงนี้เราอยากให้พี่น้องที่จะเดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย สามารถบินจองได้เหมือนกัน