ข่าวปนคน คนปนข่าว
**งานงอกเพราะปากตัวเอง "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ได้ ม.157 อีกกระทง "กิตติ์ธเนศ" บี้ซ้ำ ป.ป.ช. ดองคดีช่วย รอง ผบ.ตร.
คนโบราณเขาว่า ปลาหมอตายเพราะปาก คนปากดี ปากเก่ง ก็น่าจะอยู่ในข่ายปลาหมอ ได้เช่นกัน
ตอนนี้คนปากหวาน จนได้ชื่อฉายา "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้งานงอกเพราะปากตัวเองซะแว้วว
หลังจาก "วีระ สมความคิด" พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบ “พ.ต.ท.จตุภูมิ รักษาภักดี” สว.สอบสวน กก.4.บก.ปปป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดี “พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล” ในความผิดตาม มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมๆ กับยื่นเรื่องตรวจสอบ คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. กรณี "ส่วยคาราโอเกะ" ที่ผล "ไม่มีมูล" ค้านสายตากรรมการ
“วีระ สมความคิด” จัดให้ รอง ผบ.ตร. 2 ดอกจุกๆ ก็ต้องบอกว่า งานงอกครั้งนี้ไปโทษว่าใครกลั่นแกล้ง เกลียดชัง ก็คงไม่ได้ เพราะ ทำตัวเองล้วนๆ
ที่ “โจ๊ก”เคยพูดว่า “ผมมีข้อมูลลับนายตำรวจใหญ่อยู่เยอะ ถ้าผมเปิดเมื่อไหร่ ได้ตายกันทั้งสตช.”
จากวันที่พูดจนถึงวันนี้ ผ่านมาก็หลายเดือน ทุกอย่างเงียบกริบ!
“โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นถึง รอง ผบ.ตร. กลับไม่ทำอะไรเลย
ดังนั้น “วีระ” จึงร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาตาม มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ ที่กวักมือเรียกอยู่ไหวๆ
เท่านั้นยังไม่พอ “วีระ” ยังร้องขอให้มีการตรวจสอบคณะอนุกรรมการของป.ป.ช. หลังเชื่อว่าให้ความช่วยเหลืออุ้ม “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ในสมัยที่เคยถูกร้องเรียนตรวจสอบกรณีเรียกรับ "ส่วยร้านคาราโอเกะ" ในจังหวัดภาคอีสาน รอดการชี้มูล
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เกิดจากปากของ "โจ๊ก" ตามที่มีคลิปเสียงของนายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง คุยเขื่องว่า มีสัมพันธ์อันดีกับบอร์ดป.ป.ช. ทำนองทำคดีไหนจะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด
พูดถึงป.ป.ช.และโจ๊ก ก็ต้องพูดถึงกรณี “พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน” ผู้บังคับการประจำกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ในฐานะอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี แจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติมกับ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ใช้อำนาจไม่ชอบ
ตอนนั้น อดีตผู้การชลบุรี ถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือในการสับเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา และถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง
พอสำนวนคดีฟ้อง “โจ๊ก”มาที่ป.ป.ช. กลับเงียบสนิท ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว
ที่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในชั้น ป.ป.ช. ทั้งๆ ที่กระบวนการสอบสวนทางวินัย อดีตผู้การชลบุรี ปรากฏว่า ไม่พบความผิด และได้ยุติกระบวนการสอบสวนทางวินัยไปแล้ว
งานนี้ "คนนินทา หมาดูถูก" ป.ป.ช. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งข้อสังเกตว่า เพราะกลุ่มผู้ต้องหามีชื่อ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รวมอยู่ด้วย จึงทำให้กระบวนการในชั้น ป.ป.ช. ไม่คืบหน้าหรือไม่ ?
ส่วน “พล.ต.สุรเชษฐ์” เชื่อว่า ประเดี๋ยวก็จะต้องออกมาบอก นี่เป็น "นิทานอีกตอน" ที่มีผู้ประพันธ์เขียนให้อยู่เบื้องหลัง.. แหงแซะ
นาทีนี้ คนรู้ไส้รู้พุง “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” จะพูดอะไร ก็ต้องถามสังคมด้วยว่า น่าเชื่อหรือไม่
และถ้าไม่เห็นทั้ง “วีระ” และ “พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ” อยู่ในสายตา ก็ต้องบอกว่า “โจ๊ก” คิดผิด
“วีระ” นั้นเคยบอกว่า ตัวเองต่างจาก"พี่ศรี" ศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องที่เป็นดาวดับเพราะไปงับข้าว ตรงที่ว่า "กัดไม่ปล่อย"
ขณะที่ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ต่อยหนัก นะจะบอกให้ นะครับนะ
**เกลียดตัวกินไข่!! แม้จะจำฝังใจที่ทหารยึดอำนาจพ่อ และอา แต่เพื่อคอนเนกชัน ก่อนก้าวขึ้นสู่อำนาจ “อุ๊งอิ๊ง”ก็ต้องเข้าอบรม“มินิ วปอ.”
ในช่วงต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา มีเรื่องที่ฮือฮาพอสมควร โดยเฉพาะในกลุ่มนักอบรมหลักสูตรพิเศษ เพื่อแสวงหา “คอนเนกชั่น” เมื่อวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)ได้เปิดหลักสูตร ผู้บริหารยุคใหม่ในอนาคต วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ “วปอ.บอ.” หรือที่เรียกว่าหลักสูตร ‘มินิ วปอ.’ รุ่นที่ 1 ซึ่งปรากฏชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ รอเข้ารับการสัมภาษณ์
หลักสูตร “มินิ วปอ.”ที่ว่านี้ กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัคร อายุตั้งแต่ 35-42 ปี แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มงานคือ กลุ่มการทหาร กลุ่มตำรวจ กลุ่มข้าราชการพลเรือน กลุ่มนักธุรกิจ และ กลุ่มการเมือง โดยในกลุ่มข้าราชการทหาร ตำรวจ ต้องมียศระดับ พ.อ. – พ.อ.(พิเศษ) หรือเทียบเท่า ส่วนภาคเอกชน ต้องเป็นนักธุรกิจ เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ของหน่วยงาน ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่า รองกรรมการผู้จัดการ หรือผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการโรงงาน หรือ ผู้จัดการภูมิภาค
ปรากฏว่า มีผู้สมัครเข้ารับการอบรมจำนวนมาก ซึ่งผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติในรอบแรกมี 492 คน และต้องมาสอบสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกให้เหลือ 150 คน
และวันนี้ เว็บไซต์ของ วปอ.ก็ได้ประกาศผลการคัดเลือกผู้ที่จะได้รับการเข้าอบรม “มินิ วปอ.รุ่น 1” ออกมาแล้ว ปรากฏว่า เป็นข้าราชการ ทหารตำรวจ กว่า 50 คน ส่วน “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร มีชื่ออยู่ลำดับที่ 97
นอกจากนี้ ก็มีบุคคลที่มีชื่อเสียง นามสกุลดัง นักการเมืองรุ่นใหม่ รวมทั้งลูกหลานนักการเมือง อาทิ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.ปชป. ,น.ส.รัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกรัฐบาล , นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ หรือ เอิง ทีมงานนายกฯ และ เพื่อนสนิทอุ๊งอิ๊ง และ น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ ภรรยา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายพชร นริพทะพันธ์ น.ส.ศิรินันท์ ศิริพาณิชย์ นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ นายอาทิตย์ หวังศุภกิจโกศล นายพสุ ลิปตพัลลภ น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน นายรวิศ สอดส่อง น.ส.นคนัน ชาญสุนทร นายรวิศ สอดส่อง เป็นต้น โดยการอบรมจะเริ่มในเดือนเมษายน–กันยายน 2567
ที่ผ่านมา คนทั่วไปอาจคุคุ้นเคย กับหลักสูตร “วปอ.” ซึ่งถือว่าเป็นหลักสูตรคอนเนกชันของ “รุ่นใหญ่” ถ้าเป็นทหาร ตำรวจ ก็ต้องระดับนายพล ภาคธุรกิจก็ระดับเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือ ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนใหญ่ต้องผ่านหลักสูตรนี้
ดังนั้น การออกแบบหลักสูตร กำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม ตลอดจนชื่อหลักสูตรใหม่นี้ว่า “มินิ วปอ.” จึงถูกมองว่าเป็นการจัดให้ “อุ๊งอิ๊ง” สำหรับสร้างคอนเนกชันในกลุ่มข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และนักธุรกิจ นักวิชาการ รุ่นใหม่ ก่อนขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะ แต่ทางผู้บริหาร และผู้รับผิดชอบโครงการเคยออกมาปฏิเสธแล้ว
อย่างที่รู้ๆกันว่า คนในตระกูลชินวัตร ทั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ต่างถูกทหารยึดอำนาจในขณะเป็นนายกรัฐมนตรี
แน่นอนว่า “อุ๊งอิ๊ง” ย่อมมีทัศนคติที่ไม่ดีนักต่อทหาร แต่เพื่อเส้นทางเข้าสู่อำนาจ สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง “คบทหาร” อาศัยหลักสูตร “มินิ วปอ.” สร้าง “คอนเนกชัน” ในกลุ่มข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ นักการเมืองเอาไว้
ก็ขอให้ติดตามดูว่า ในวันเปิดอบรมนั้น ประธาน “มินิ วปอ. รุ่น 1” จะชื่อ แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่