รองโฆษกเพื่อไทย บอกไม่แปลก “เศรษฐา” ขอคำปรึกษาจากอดีตนายกฯ “ทักษิณ” เหตุเป็นผู้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ทั้งไทย-ต่างประเทศ อ้างไปไกลแม้แต่ “ปธน.บุช” ยังเคยปรึกษา “อดีต ปธน.คาร์เตอร์”
วันที่ 27 ก.พ. 2567 น.ส.ชญาภา สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษเด็ดขาดชายในคดีทุจริตที่ได้รับการพักโทษออกมาอยู่ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2567 และถูกเปรียบเปรย ว่า มีนายกรัฐมนตรี 2 คน 3 คน ว่า นายเศรษฐา เป็นผู้ที่เปิดกว้างรับฟังความเห็นที่หลากหลาย นอกจากการลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศด้วยตัวเองแล้ว นายเศรษฐา ยังได้พบปะพูดคุยกับอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน ซึ่งแม้ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยหลายประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา ในปี 2553 นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าพบนายบิล คลินตันอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อปรึกษาหารือถึงมาตรการทางเศรษฐกิจ หรือในปี 2532 นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช หารือกับ นายจิมมี่ คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์การเลือกตั้งระดับชาติในสาธารณรัฐปานามา ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนายเศรษฐาจะมีการพูดคุยปรึกษานายทักษิณ ที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย และมีผลงานการบริหารประเทศที่เป็นคุณูปการต่อประเทศมากมาย ประสบการณ์ความรู้ ความสามารถเป็นที่ประจักษ์รับรู้ทั้งในไทยและทั่วโลก
น.ส.ชญาภา กล่าวอีกว่า ขณะที่การพูดคุยหารือกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องปกติ เพราะทำงานร่วมกันมาตั้งแต่มีการรณรงค์เลือกตั้งในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน ประกอบกับ นางสาวแพทองธารเอง สวมหมวกรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และเป็นประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ผลักดันโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นหนึ่งในทีมรัฐบาล จึงต้องมีการพูดคุยหารือทำงานร่วมกันเสมออยู่แล้ว
“นายเศรษฐา เป็นอดีตนักบริหารธุรกิจชั้นนำของประเทศมากว่า 30 ปี สามารถนำพาบริษัทผ่านพ้นวิกฤตต้มยำกุ้งมาได้ และยังทำให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องกลายเป็น 1 ใน 5 บิ๊กบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของไทย ประสบความสำเร็จ มีความสามารถ และมีความเป็นมืออาชีพ และยังพร้อมรับฟังคำแนะนำจากทุกฝ่าย ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง การที่นายกรัฐมนตรีหารือกับอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งผู้นำต้องรับฟังความเห็นหลากหลายทั้งจากประชาชน และผู้มีประสบการณ์ โดยเฉพาะหากนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีความความมุ่งมั่น ตั้งใจในการทำงาน ได้หารือกับ ดร.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้มีองค์ความรู้และมีประสบการณ์บริหารประเทศมาก่อน จะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนงาน สุดท้ายผลประโยชน์ตกอยู่กับประชาชน” น.ส.ชญาภา กล่าว